11/28/2553

อาหารบำรุงเส้นผมให้เงางาม

เส้น ผมไม่เพียงช่วยให้เรามีรูปลักษณ์ที่ดี แต่คุณสมบัติที่สำคัญคือช่วยป้องกันหนังศีรษะของคนเราพ้นจากอันตรายจากแสง แดด ปัจจุบันเราทราบกันดีอยู่แล้วว่าแสงแดดนั้นเป็นอันตรายต่อผิวหนัง ทำให้ผิวหนังเหี่ยวย่น และเกิดโรคมะเร็งของผิวหนังได้ง่าย แต่คุณทราบหรือไม่ว่าอาหารที่เรากินอยู่ทุกวันมีผลสะท้อนต่อผมได้เช่นเดียว กับผิวหนังเหมือนกัน

เพราะผมมีสารประกอบของสารอาหารบางอย่าง จึงขึ้นอยู่กับตัวเราว่าจะให้สารอาหารแก่ผมอย่างไร

เส้น ผมได้รับอาหารจากเลือดไปบำรุง ถ้าเลือดนั้นมีสารอาหารที่สำคัญสำหรับเส้นผม ผมก็จะเจริญงอกงาม รากผมก็จะยึดศีรษะแน่น จะร่วงก็ต่อเมื่อถึงคราวต้องร่วง และสามารงอกได้ทันกัน นักวิทยาศาสตร์ที่เป็นนักโภชนาการได้เคยทำการทดลองค้นคว้าเรื่อง อาหารบำรุงผม โดยได้ทำการทดลองกับสัตว์เลี้ยงสองกลุ่มคือ กลุ่มหนึ่งให้กินอาหารที่มีแร่ธาตุไอโอดีนคืออาหารทะเล ผักและผลไม้ ส่วนกลุ่มที่สองให้กินอาหารที่มีแต่แป้งและเนื้อสัตว์ ซึ่งจะได้คาร์โบไฮเดรตและโปรตีนเท่านั้น ปรากฏว่าสัตว์ทดลองกลุ่มที่หนึ่งมีขนดกดำสวยเป็นเงา ส่วนกลุ่มที่สองร่างกายอ้วนแข็งแรง แต่ขนสั้น ทั้ง ๆ ที่มีพ่อแม่เดียวกัน

อาหารที่มีสารไอโอดีนมากและหาง่ายในบ้านเราได้แก่ อาหารทะเลต่าง ๆ เช่น ปลา กุ้ง และอาหารที่ปรุงด้วยเกลือเสริมไอโอดีน

อาหาร ที่มีธาตุซิลิคอนคือ ข้าวที่ไม่ได้ขัดสี ข้าวกล้อง ข้าวแดง รองลงมาได้แก่ แตงกวา สตรอเบอรี่ หน่อไม้ฝรั่ง กะหล่ำปลี ผักกาดหอม ผักโขม

ส่วน อาหารที่มีธาตุกำมะถันได้แก่ กะหล่ำปลี หัวผักกาดขาว หัวหอมใหญ่ หัวหอมแดง กะหล่ำดอก ผักกาดแดง แอปเปิ้ล ผักเหล่านี้หาได้ไม่ยาก และสามารถกินได้ทั้งสดและหุงต้ม

ส่วน สาเหตุของผมร่วงนั้นมีหลายอย่าง การเปลี่ยนแปลงทางสรีรวิทยาตามธรรมชาติของหญิงหลังคลอดบุตร หลังเป็นไข้ไทฟอยด์ การขาดอาหาร การใช้ยารักษาโรคมะเร็ง เชื้อรา เชื้อซิฟิลิส หรือเกิดจากความผิดปกติของเส้นผมเอง เช่น มีรอยหักกลาง และแม้แต่ความเครียดและการตกใจอย่างรุนแรง ก็อาจทำให้ผมร่วงได้ ในกรณีที่มีปัญหาเรื่องผม ควรพบแพทย์เพื่อขอคำแนะนำอย่างถูกต้อง ไม่ควรหาซื้อยามาใช้เอง

การ ปฏิบัติตนอย่างง่าย ๆ คือ ควรใช้หวีหรือแปรงที่ไม่แหลมคม ไม่ควรแปรงผมย้อนหลัง หรือยีผมแรง ๆ อย่ารัดผมหรือถักเปียจนแน่นเกินไป ควรใช้แชมพูอ่อน ๆ และบำรุงด้วยครีมนวดผม หรือปรับสภาพเส้นผม หากต้องการใช้สารเคมี เช่น ยาย้อมผม ยากัดสีผม ก็ควรใช้เมื่อจำเป็นและไม่ควรใช้บ่อยนัก

10/28/2553

เคล็ดลับ วิธีปอกแอปเปิ้ลไม่ให้ดำ

กับเรื่องราวกันครัวในวันนี้มีเคล็ดลับหั่นหรือปอกแอปเปิ้ลแล้วเนื้อผลไม่ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาลหม่นมาฝาก ก็เพียงแค่ละลายเกลือ 1 ช้อนชา ลงในน้ำสะอาด 1 ชาม จากนั้นแช่แอปเปิ้ลที่ผ่านการหั่นหรือปอกเปลือกออกลงไปสักครู่

อีกวิธี เอาใจคนที่รู้สึกว่า การแช่น้ำเกลือตามคำแนะนำข้างต้นแล้วทำให้แอปเปิ้ลมีรสเค็ม ก็ให้ใช้น้ำมะนาวผสมกับน้ำสะอาด แล้วนำไปล้างแอปเปิ้ล ก่อนสะเด็ดน้ำออกให้แห้ง นำไปจัดใส่จานรับประทานทันที หรือเก็บใส่บรรจุภัณฑ์ถนอมอาหารตามสะดวก อย่างไรก็ตาม วิธีดังที่แนะนำไป ยังใช้ได้กับสาลี่ด้วย.


credite เดลินิวส์

8/11/2553

เพื่อสุขภาพ การเคี้ยวหมากฝรั่งป้องกันฟันผุ

เป็นที่ทราบกันดีว่า การดูแลรักษาสุขภาพช่องปากและฟันอย่างเคร่งครัดจะช่วยลดปัญหาฟันผุได้ ซึ่งทันตแพทย์สาวสวย อย่าง ‘พอลลีน ล่ำซำ’ กล่าวถึงวิธีดูแลสุขภาพช่องปากและฟันไว้ในงานเปิดตัวหมากฝรั่งลอตเต้ ไซลิทอล ว่า เพียงแปรงฟันวันละ 2 ครั้ง คือ หลังตื่นนอนและก่อนเข้านอน ถ้าจะให้ดีควรแปรงฟันทุกครั้งหลังมื้ออาหาร

อีกทั้งยังต้องใช้น้ำยาบ้วนปากที่ผสมฟลูออไรด์ช่วยขจัดคราบและลดกลิ่น รวมทั้งใช้ไหมขัดฟันเพื่อทำความสะอาดซอกฟันที่ขนแปรงไม่สามารถซอกซอนเข้าถึงได้ ที่สำคัญทุกคนควรเข้าพบทันตแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพฟัน ปีละ 2 ครั้ง

ทพญ.พอลลีน ยังแนะนำวิธีดูแลสุขภาพฟันเพิ่มเติมด้วยว่า ในชีวิตประจำวัน หลายคนอาจไม่สะดวกพกแปรงสีฟันไปทำความสะอาดฟันหลังมื้ออาหาร แต่ก็สามารถขจัดสิ่งสกปรกในช่องปากได้ด้วยการเคี้ยวหมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของสารไซลิทอล อย่างน้อย 50% เพราะสารดังกล่าวสามารถลดปริมาณแบคทีเรียตัวร้ายในช่องปากได้

หมากฝรั่งที่มีส่วนผสมของสารไซลิทอล เมื่อเคี้ยวบ่อย ๆ ยังสามารถลดการเกิดแผ่นคราบจุลินทรีย์หรือคราบหินปูน ซึ่งเกาะติดตามฟัน โดยสารไซลิทอลจะเข้าไปลดจำนวนคาร์โบไฮเดรตที่ไม่สามารถละลายน้ำได้ และเพิ่มจำนวนคาร์โบไฮเดรตที่สามารถละลายน้ำได้ ส่งผลให้คราบจุลินทรีย์หรือหินปูนน้อยลง กำจัดออกได้ง่ายด้วยการแปรงฟัน

นอกจากนี้สารไซลิทอลยังกระตุ้นการเกิดกระบวนการสะสมแร่ธาตุคืนกลับ มีการหลั่งน้ำลายมากขึ้น ลดความเป็นกรดในช่องปาก และลดการสูญเสียแร่ธาตุที่เป็นองค์ประกอบของเนื้อฟัน อย่าง แคลเซียม ฟอตเฟส

อย่าง ไรก็ตาม สารให้ความหวานไซลิทอล ยังเหมาะกับผู้ป่วยโรคเบาหวาน เพราะการสันดาปหรือย่อยสลายของไซลิทอล ไม่ขึ้นอยู่กับฮอร์โมนอินซูลิน.

7/07/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ อาหารลดอ้วน-สูตรน้ำขจัดไขมัน

เริ่มจาก ข้อควรรู้เกี่ยวกับอาหารการกิน สำหรับผู้ที่ตั้งหน้าตั้งตาจะไดเอ็ทนั้นจำเป็นต้องพึงเข้าใจว่า ต้องรับประทานอาหารให้ครบทุกมื้อ ครบทุกหมู่ เพียงแต่ลดปริมาณอาหาร

อาหารลดอ้วน-สูตรน้ำขจัดไขมัน

ตาม ธรรมเนียมของ กินดี ที่ต้องส่งท้ายสัปดาห์ด้วยการกิน-ดื่มเพื่อสุขภาพ โดยเฉพาะอาหารเพื่อการลดหรือควบคุมน้ำหนักที่กล่าวกันมาตั้งแต่ต้นอาทิตย์

ลดขนมขบเคี้ยว ของหวาน และตัดใจจากอาหารขยะ

ในหมวดของ เนื้อสัตว์ ควรเลือกเนื้อสัตว์ไม่ติดมัน ไม่มีหนัง เน้นรับประทานปลาจะดีที่สุด ส่วนวิธีการปรุงควรอบ ย่าง นึ่ง เลี่ยงทำอาหารด้วยการทอดในน้ำมันท่วมล้น ขณะที่ นม เน้นดื่มชนิดจืดพร่องมันเนย หรือนมขาดมันเนย เพราะมีปริมาณไขมันน้อยกว่านมพร้อมดื่ม ควรดื่มไม่เกิน 2 กล่องเล็กต่อวัน (ขนาดกล่องสำหรับผู้ใหญ่)

ส่วน ไข่ เน้นนำไปนึ่ง ต้ม หรือตุ๋น ในช่วงลดน้ำหนักควรลดการรับประทานไข่แดง แต่ละสัปดาห์ไม่ควรเกิน 3 ฟอง สำหรับ ถั่วเมล็ดแห้ง อุดมไปด้วยโปรตีนและไขมันชนิดที่เป็นประโยชน์ มีกากใยอาหารดีต่อระบบขับถ่าย ควรรับประทาน 3-4 ครั้งต่อสัปดาห์

หมวด ข้าว-แป้ง เน้นข้าวซ้อมมือ ขนมปังโฮลวีท ในแต่ละวันไม่ควรรับประทานมาก เนื่องจากร่างกายจะสังเคราะห์สารอาหารคาร์โบไฮเดรตจากข้าวและแป้งเปลี่ยน เป็นน้ำตาล ถ้าสะสมในปริมาณมากเกินความต้องการจะทำให้อ้วน

การรับ ประทาน ผลไม้ ที่มีคาร์โบไฮเดรตเช่นเดียวกับข้าวและแป้ง ซึ่งควรเลือกรับประทานผลไม้รสไม่หวานจัดแทนขนมหวาน อาทิ ส้ม ชมพู่ มะละกอ แตงโม ฝรั่ง สับปะรด เพื่อให้วิตามินและเกลือแร่ที่มีในผลไม้ ควบคุมการทำงานของระบบต่าง ๆ ในร่างกายได้เป็นไปอย่างปกติ และเพิ่มใยอาหารเสริมการทำงานระบบขับถ่าย ควรรับประทานทั้งผลสด ๆ

สำหรับ ผักใบเขียวและขาว มีสารอาหารอยู่ในหมวดหมู่เดียวกับผลไม้ ควรรับประทานเป็นประจำ แต่ควรสลับกับผักที่มีสีแดง-แสด อย่าง แครอต ฟักทอง มะเขือเทศ

ใยอาหาร พบได้ในผัก ผลไม้ ข้าวซ้อมมือ แม้ร่างกายของคนเราจะไม่สามารถย่อยได้จึงต้องขับถ่ายออกมาเป็นของเสีย แต่กากใยเมื่ออยู่ในกระเพาะหรือลำไส้จะเกิดการพองตัว ทำให้ไม่รู้สึกหิวบ่อย แถมยังช่วยดูดซับไขมัน น้ำตาล สารพิษ แล้วขับออกจากร่างกาย

ขณะที่ ไขมันจากสัตว์ เช่น น้ำมันหมู ไขมันจากพืช อย่าง กะทิและน้ำมันมะพร้าว ควรงดเพราะมีไขมันที่จะเปลี่ยนเป็นคอเลสเตอรอล รับประทานมากไม่เป็นผลดีต่อสุขภาพ ส่วนไขมันจากพืชในรูปของน้ำมันพืช รับประทานได้แต่เพียงน้อย

มาถึงสูตรเครื่องดื่ม ที่มีสรรพคุณลดความอ้วนและขจัดไขมันส่วนเกิน ที่ใช้ผักและผลไม้เป็นส่วนผสม มี แครอต อันอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน ในทางโภชนาการชี้ว่า แครอตสามารถขจัดไขมันส่วนเกินจากตับ ดีต่อการย่อยอาหาร ส่วน กีวี จะช่วยเสริมภูมิคุ้มกันให้แก่ร่างกาย ไม่ทำให้เป็นหวัดง่าย

ก่อน ปรุงดื่ม มาเตรียมส่วนผสมตามสัดส่วน ดังนี้
แครอต 1 ถ้วย
กีวี 1 ถ้วย
น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย

โดยวิธีการปรุง ให้นำแครอตไปขูดเป็นเส้น ส่วนกีวีปอกเปลือกก่อนฝานเป็นแว่นชิ้นบาง ๆ จากนั้นนำส่วนผสมทั้งสองชนิดไปสกัดรวมกันด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เสิร์ฟพร้อมน้ำแข็งป่นเพิ่มความเย็นสดชื่น ดื่มเป็นประจำจะช่วยขจัดไขมันส่วนเกิน.

ที่ มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

7/06/2553

อาหารลดน้ำหนัก ภายใน 7 วัน

สูตรนี้บางคนทำแล้วสามารถลดได้ถึง 9 กิโลกรัมใน 7 วันเลยนะคะ ลองเอาไปทำตามดู
แต่อย่างไรก็ตามก็ขึ้นอยู่กับภาวะร่างกายของคนเราด้วยนะคะ ถ้าหากน้ำหนักมากๆ เกิน 80 กิโลกรัมขึ้นไป หากทำตามสูตรนี้ได้ เชื่อว่าน่าจะลดได้ 9 กิโลแน่ๆ ค่ะ ใจแข็งพอรึเปล่าคะ


วันที่ 1
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับผักต้ม
มื้อเย็น : สเต็กกับสลัดผักน้ำใส และผลไม้

วันที่ 2
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
มื้อกลางวัน : สเต็กหรือเนื้อหมู เนื้อวัวย่างก็ได้ กับสลัดผักเขียวและผลไม้
มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

วันที่ 3
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 2 แผ่น
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 2 ฟอง และสลัดกับแครอท
มื้อเย็น : แฮมแผ่นต้มปริมาณเท่าใดก็ได้

วันที่ 4
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาลกับขนมปังโฮลวีต 1 แผ่น
มื้อกลางวัน : ไข่ต้ม 1 ฟองกับแครอทต้ม
มื้อเย็น : ผลไม้และโยเกิร์ตรสธรรมชาติ

วันที่ 5
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ปลาเผาหรือปลาย่างกับผักต้ม
มื้อเย็น : สเต็ก หรือเนื้อย่างไม่ติดมัน กับสลัดผักสดน้ำใส

วันที่ 6
มื้อเช้า : ชาหรือกาแฟไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ไก่ย่างไม่ติดหนัง
มื้อเย็น : ไข่ต้ม 2 ฟอง กับแครอทต้ม

วันที่ 7
มื้อเช้า : กาแฟหรือชาบีบมะนาว แต่ไม่ใส่น้ำตาล
มื้อกลางวัน : ผลไม้อะไรก็ได้ในปริมาณต้องการ
มื้อเย็น : อะไรก็ได้ทุกอย่างที่อยากทาน ไม่จำกัดปริมาณ

7/01/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ เครื่องดื่ม ‘แก้หวัด’




อาหารเพื่อสุขภาพ
อาหารการกิน อย่าง กินดี แลเห็นว่าผู้คนส่วนใหญ่กำลังป่วยด้วยโรคหวัด เนื่องจากอากาศเปลี่ยนแปลงเข้าสาช่วงหน้าฝน วันนี้จึงเตรียมเครื่องดื่มที่มีสรรพคุณแก้โรคหวัด บรรเทาอาการฮัดเช้ย....

เครื่องดื่มสูตรนี้ ประกอบไปด้วย ‘แตงโมเหลือง’ อุดมด้วยเบตาแคโรทีน ช่วยชะล้างของเสียในไต ลดความดันโลหิต ต่อมาเป็น ‘องุ่นเขียว’ เปี่ยมด้วยฟอสฟอรัส กำมะถัน แคลเซียม เหล็ก วิตามินบี1 บี2 และวิตามินซี กรดไฟโคเคมิคอลเอลลาจิก และกรดทาร์ทาริก กระตุ้นกระบวนการเผาผลาญอาหาร ช่วยล้างพิษ และขับปัสสาวะ

พระเอกของสูตรนี้ คือ ‘กีวี’ มีแมกนีเซียม โพแทสเซียม แคลซียม ฟอสฟอรัส โซเดียม และเบตาแคโรทีน ที่รวมพลังเสริมสร้างภูมิคุ้มกันไม่ให้เป็นหวัดง่าย และควรรับประทานในช่วงที่อากาศเปลี่ยนแปลง

ส่วนผสมของเครื่อง ดื่มแก้หวัด ประกอบด้วย...

* แตงโมเหลือง 2 ถ้วย
* องุ่น เขียว 1 ถ้วย
* กีวี 1 ถ้วย
* น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย


ขั้นตอนในการทำ เริ่มจากนำกีวีไปปอกเปลือกออกให้หมดแล้วหั่นเป็น ชิ้นแว่น ๆ ส่วนแตงโมเหลืองหั่นเป็นชิ้น ๆ พอประมาณโดยไม่ต้องทิ้งเมล็ด และองุ่นเขียวผ่าครึ่งใช้ทั้งเมล็ด จากนั้นนำผลไม้ทั้งสามชนิดไปปั่นรวมกันด้วยเครื่องปั่น สกัดเอาแต่น้ำ เมื่อได้แล้วเทใส่แก้วเติมน้ำแข็งเพื่อความเย็นสดชื่นได้ หากไม่มีอาการระคายคอหรือไอร่วมด้วย.

6/30/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ สับปะรด เกรปฟรุต- เสริมภูมิคุ้มกัน

อาหารเพื่อสุขภาพ หากอยากมีร่างกายที่แข็งแรง มีภูมิคุ้มกันต้านเชื้อโรคจะได้ไม่เจ็บป่วยง่าย ‘มุมสุขภาพ-กินดี’ เตรียม เครื่องดื่มที่มีสรรพคุณเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน เพื่อสุขภาพที่สมบูรณ์แข็งแรง โดยอาศัยสารอาหารที่มีประโยชน์จากเก รปฟรุต และสับปะรด

เกรปฟรุต’ อุดมไปด้วยแคลเซียม ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม วิตามินซี กรดซิตริก และไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งมีประโยชน์กับตับ ดีต่อภูมิคุ้มกันของร่างกาย สามารถชะล้างสารพิษและทำความสะอาดร่างกาย ทั้งยังช่วยละลายเมือกและของเสียจากระบบภายในร่างกายทั้งหมด ปรับค่าพีเอชของเลือดและของเหลวในร่างกายให้มีความเป็นด่าง

นอกจากนี้เกรปฟรุตยังมีกรดซาลิไซลิก ช่วยละลายแคลเซียมที่ตกผลึกและอยู่ตามข้อต่อ บรรเทาโรคข้อต่ออักเสบได้

สำหรับ ‘สับปะรด’ เปี่ยมด้วยวิตามินซี กรดโฟลิก โพแทสเซียม โซเดียม และแมกนีซียม โดยรวมแล้วสับปะรดสามารถต้านอาการอักเสบและช่วยย่อยโปรตีนได้ดี แถมยังมีเอนไซม์โบรเมลิน ที่ช่วยรักษาค่าพีเอชของร่างกายให้สมดุล

ส่วนผสมของเครื่องดื่มมีให้เตรียมดังต่อไปนี้...

* เกรปฟรุต 2 ถ้วย
* สับปะรด 1 ถ้วย
* น้ำแร่ 1 ถ้วย
* น้ำแข็งป่น 1 ถ้วย


ขั้นตอนในการผสมเครื่องดื่ม เริ่มด้วยการนำเกรปฟรุต (จะปอกเปลือกหรือไม่ก็ได้ แต่ส่วนแกนและเมล็ดไม่ควรทิ้ง) และสับปะรดหั่นเป็นชิ้นขนาดกลาง จากนั้นนำไปสกัดเอาแต่น้ำด้วยเครื่องสกัดน้ำผักและผลไม้ เติมน้ำแร่ลงไปเล็กน้อย คนส่วนผสมให้เข้ากัน เติมน้ำแข็งป่นเพื่อความเย็นสดชื่น พร้อมดื่มได้ทันที.

อาหารเพื่อสุขภาพ เลี่ยงอาหารเสี่ยงหลอดเลือดเสื่อม

วันนี้ มุมสุขภาพ-สามัญประจำบ้าน จึงนำเคล็ดลับการใช้ชีวิตเพื่อ ลดความเสี่ยงหลอดเลือดหัวใจตีบ จากคุณหมอวิสุทธิ์ วิเวกาภิรัต อายุร แพทย์หัวใจ จากศูนย์หัวใจ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่แนะนำให้ใส่ใจเรื่อง อาหาร ควรเลี่ยงอาหารรสชาติเค็ม เนื่องด้วยอาหารที่มีรสชาติเค็มจัดของโซเดียม (เกลือ น้ำปลา ซีอิ้ว) จะส่งผลให้ความดันโลหิตสูง

ทั้งยังควรงดหรือลดการบริโภคอาหาร ที่ให้คอเลสเตอรอลสูง เช่น ชีส ครีม ไข่แดง หนังสัตว์ เนื้อแดง กุ้ง หอย ปู หมึก เครื่องในสัตว์ โดยเฉพาะตับห่าน

อีกทั้งน้ำซุปต้ม กระดูกที่ผ่านการเคี่ยวเป็นเวลานานยังมีปริมาณไขมันสูง เพราะการต้มนาน ๆ ทำให้เซลล์ที่ผลิตเม็ดเลือดแดงซึ่งอยู่ในกระดูกสัตว์เจือปนออกมาในซุป เมื่อซุปถูกแช่แข็งหรือเย็นตัวลงก็จะเห็นเป็นไขมันลอยอยู่ในน้ำซุป ดังนั้นการรับประทานซุปต้มกระดูกบ่อยครั้งจนเกินไป ไม่เป็นผลดีกับผู้ที่มีคอเลสเตอรอลในเลือดสูง

นอกจากเรื่องของอาหาร ผู้อ่านรักษ์สุขภาพไม่ควรละเลยการออกกำลังกายอย่าง สม่ำเสมอวันละ 30 นาที เพื่อสุขภาพที่แข็งแรงและผ่อนคลายความเครียด

ที่ขาดไม่ได้คือการตรวจสุขภาพเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มี สมาชิกในครอบครัวป่วยด้วยภาวะหลอดเลือดหัวใจตีบ ควรใส่ใจตรวจสุขภาพตั้งแต่อายุ 30 ปีเป็นต้นไป.

6/29/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ ลดน้ำตาลและความอยากอาหารด้วยแอปเปิ้ล

อาหารเพื่อสุขภาพ ลดน้ำตาลและความอยากอาหารด้วยแอปเปิ้ล

แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ชนิดหนึ่งที่มีรสชาติดี แถมยังช่วยลดน้ำตาลและความอยากอาหารได้อีกด้วย วันนี้เดลินิวส์ออนไลน์มีเรื่องนี้มาบอก...

- แอปเปิ้ลมีสารสำคัญ คือ เบต้าแคโรทีน วิตามินซี และเส้นใยไฟเบอร์ขนิดละลายน้ำ ที่มีชื่อว่า เพคติน และยังมีกรด 2 ชนิด คือ กรดมาลิคและกรดทาร์ทาริก ซึ่งช่วยในการย่อยอาหารจำพวกโปรตีนและไขมัน แต่ที่น่าสนใจ คือ เพคตินนี้มีคุณสมบัติช่วยลดความอยากอาหาร ลดน้ำหนักและลดโคเลสเตอรอลได้

- แอปเปิ้ลเพียงหนึ่งลูกจะช่วยลดความหิวได้ เพราะแอปเปิ้ลมีแป้งและน้ำตาลในรูปของน้ำตาลโมเลกุลเดี่ยวถึง 75 % ทำให้ร่างกายสามารถดูดซึมน้ำตาลพิเศษชนิดนี้ได้รวดเร็วและนำไปใช้ประโยชน์ ได้ ในเวลาไม่เกิน 10 นาที ดังนั้นความอยากอาหารจึงลดลง

- แอปเปิ้ล 2-3 ผลต่อวัน ช่วยลดปริมาณโคเลสเตอรอลในกระแสเลือดได้ เพราะแอปเปิ้ลมีเพคตินซึ่งเป็นไฟเบอร์ที่ละลายน้ำได้ ผลการวิจัยระบุว่า เมื่อกรดในทางเดินอาหารย่อยสลายไขมันและแยกโคเลสเตอรอลออกมาเสร็จสิ้นแล้ว เพคตินจากแอปเปิ้ลจะไปคอยดักจับโคเลสเตอรอลเหล่านั้นและพาทิ้งก่อนที่จะถูก ดูดกลับเข้าร่างกาย และยังพบว่าแอปเปิ้ลลดโคเลสเตอรอลในผู้หญิงได้ดีกว่าผู้ชาย

- แอปเปิ้ลเป็นผลไม้ที่เหมาะสำหรับผู้ป่วยเบาหวานและผู้ที่ต้องการควบคุม น้ำตาลในเลือด เพราะเมื่อรับประทานอาหารเข้าไปอาหารแต่ละชนิดจะถูกย่อยสลายและดูดซึมผ่าน ผนังกระเพาะลำไส้เข้าสู่กระแสเลือดระดับน้ำตาลในกระแสเลือดจะเพิ่มช้าหรือ เร็วขึ้นอยู่กับคุณสมบัติของอาหารนั้น ๆ เช่น ถ้ารับประทานน้ำผึ้ง น้ำตาลในเลือดจะขึ้นอย่างรวดเร็วในทันที แต่สำหรับแอปเปิ้ลถึงแม้จะมีน้ำตาลธรรมชาติในเนื้อแอปเปิ้ลมาก แต่ก็ทำให้น้ำตาลในเลือดเพิ่มขึ้นอย่างช้า ๆ

วัยทอง รู้ทัน ด้วยหลักอายุรเวท

วัยทองหรือภาวะหมดประจำเดือนคือ การเปลี่ยนผ่านครั้งสำคัญของผู้หญิง ในช่วงวัย 45- 55 ปี เนื่องจากฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลงและรังไข่หยุดการตกไข่ ส่งผลต่อร่างกายและจิตใจ เช่น ประจำเดือนมาไม่เป็นเวลา, นอนยาก, อารมณ์แปรปรวน, ร้อนวูบวาบ จนหลายคนเชื่อว่าเป็น “ภาวะวิกฤติ” อย่างหนึ่งของผู้หญิง เพื่อเป็นการเตรียมพร้อมก่อนถึงวัยที่กำลังเปลี่ยนผัน ส่วนงานรักลูก วีเมน ในเครือบริษัท รักลูกกรุ๊ป จำกัด จัดกิจกรรมเสวนาเวิร์กช็อป ครั้งที่ 7 “เฮล ตี้ เมโนพอส : เตรียมพร้อมก่อนถึงวัยเปลี่ยนแปลง” ขึ้น โดยเชิญวิทยากรผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้หญิงแนะเทคนิคดูแลสุขภาพแบบ ธรรมชาติ ณ ศาลาปันมี บ้านอารีย์ ซอยอารีย์ 1 ถนนพหลโยธิน

นางดวงทิพย์ อาโรรา ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้หญิงและอายุรเวทแบบองค์รวม กล่าวว่า ภาวะหมดประจำเดือนส่งผลให้เกิดอาการต่าง ๆ กระดูก พรุน, ผิวแห้ง, เกิดฝ้า กระ และอารมณ์เปลี่ยนแปลง แม้ฮอร์โมนควบคุมหลายอย่างแต่สิ่งที่ควบคุมฮอร์โมนคือ “ทัศนคติ และจิตใจ” สำหรับศาสตร์ด้านอายุรเวทรักษาวิธีธรรมชาติใช้กลไกอาหารป้องกันโรค ปรับสมดุลร่างกายภายในสู่ภายนอก โดยไม่เกิดผลข้างเคียงเหมือนยาปฏิชีวนะ มนุษย์สามารถปรับสมดุลฮอร์โมนตามหลักอายุรเวท 3 ธาตุหลัก ได้แก่ ธาตุลม (วาตะ) มีลักษณะตัวเล็ก ผอม ผิวบางเห็นเส้นเลือด ขี้กังวล คิดมากจนนอนไม่หลับ ท้องผูกบ่อย ปรับสมดุลโดยหลีกเลี่ยงอาหารเย็นแช่แข็ง อากาศเย็นจัด, ทำให้ร่างกายอบอุ่นเสมอ, กินอาหารรสหวาน เปรี้ยว เค็ม และสมุนไพร อาทิ ใบกะเพรา, กระเทียม, กานพลู

ด้าน ธาตุไฟ (ปิต ตะ) ผู้เชี่ยวชาญด้านสุขภาพผู้หญิงฯ เผยว่าเป็นผู้นำ ฉลาดหลักแหลม พูดเก่ง ผิวอมแดง สิวขึ้นง่าย ใจร้อน ระบบย่อย อาหารมีปัญหาบ่อย ควรจำกัดปริมาณกินเกลือและพริก เลี่ยงของทอด เน้นผักสดผลไม้ ดื่มน้ำมะพร้าว สมุนไพรอย่างตะไคร้, ว่านหางจระเข้, ใบสะเดา, ผักชี เน้นเที่ยวบนที่สูง ส่วน ธาตุดิน และ น้ำ (คัปฟ่า) บุคลิกเป็นคนร่างกายแข็งแรง มีกล้ามเนื้อ ผิวชุ่มชื่น เนียนบางละเอียด อ้วนง่าย พูดช้า ใจเย็น มีเมตตา แนะนำกินอาหารนึ่ง ต้ม อบ และสุก เลี่ยงรสหวานซึ่งทดแทนด้วยน้ำผึ้ง ควรกินอาหาร 2 มื้อต่อวัน ออกกำลังกายสม่ำเสมอ เน้นเที่ยวแบบผจญภัย สมุนไพรที่แนะนำ เช่น โหระพา, พริกไทยดำ, ขิง, กระเทียม, มิ้นท์

นอกจากนี้ เทคนิคกำหนดลมหายใจ ยังช่วยปรับสมดุลสุขภาพให้ดีขึ้น วิธีแรก ให้นั่งตัวตรงหายใจเข้าลึก-ค้างไว้ 5 วินาที หายใจออก-ค้างไว้ 5 วินาที วันละ 5-10 ครั้ง วิธีที่ 2 ใช้นิ้วโป้งปิดจมูกด้านขวา หายใจเข้าด้านซ้าย 5 วินาที แล้วปล่อยลมออกด้านขวา ทำวันละ 5-10 ครั้งต่อวัน วิธีที่ 3 นิ้วโป้งปิดหู นิ้วกลางปิดตาหายใจเข้าพร้อมปล่อยเสียง “ฮัม” ทางจมูกและปากดัง ๆ ช่วยให้หลับง่ายขึ้น วิธีที่ 4 เกร็งมือ-เท้า หายใจเข้ากำมือ ปล่อยลมหายใจและปล่อยมือ ทำ 3 ครั้ง แล้วสะบัดมือ คลายความตึงเครียด วิธีที่ 5 กระตุ้นพลังเล็บ ถูเล็บมือให้เลือดไปมา ให้เลือดเลี้ยงสมอง ทำให้ผมดกดำ ทำวันละ 10 นาที วิธีที่ 6 ใช้นิ้วชี้กดจุดหลังหู หายใจเข้า ค้างไว้ 5 วินาที แล้วปล่อยลมหายใจ ทำ 5 ครั้งหลังทาครีมบำรุงหรือก่อนนอน ช่วยให้ใบหน้าอ่อนเยาว์ลดริ้วรอย.

6/28/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ ทาน งา เป็นประจำ ชะรอความแก่

อาหารเพื่อสุขภาพ งา ในที่นี้ไม่ได้หมายถึง งาช้าง แต่หมายถึง งา อาหารที่อุดมไปด้วยคุณประโยชน์นานัปการ มุมสุขภาพ-กินดี วันนี้ จึงขอแนะนำให้ผู้อ่านทราบถึงคุณค่าของงา

เริ่มจาก งาดำ ที่ได้รับความนิยมอยู่ในขณะนี้ มักอยู่ในรูปของส่วนผสมในเครื่องดื่มชนิดต่าง ๆ การรับประทานงาดำจะช่วยให้นอนหลับได้สนิท และตื่นนอนพร้อมความรู้สึกสดชื่นกระปรี้ประเปร่า ทั้งยังป้องกันเหน็บชา ป้องกันอาการท้องผูก บำรุงกระดูก และบำรุงรากผม ทำให้ผมดกดำ

ส่วน น้ำมันงาดิบ หากนำมาใช้นวดตัวเป็นประจำ ช่วยปรับระบบประสาท คลายกล้ามเนื้อ ชะลอความเสื่อมของผิวหนังและกล้ามเนื้อ ให้แลดูอ่อนเยาว์กว่าวัยอยู่เสมอ

อย่าง ไรก็ตาม งา ถือเป็นอาหารที่อุดมไปด้วยวิตามินนานาชนิด เช่น บี1, 2, 3, 5, 6 และ 9 มีสรรพคุณในการช่วยย่อยไขมัน ลดคอเลสเตอรอล ทั้งยังมีวิตามินอี ซึ่งเป็นยาอายุวัฒนะ ชะลอความแก่ และเป็นอาหารที่มีสารต้านอนุมูลอิสระป้องกันการเกิดมะเร็ง เหมาะกับทุกเพศทุกวัย

สำหรับเมนูสุขภาพที่ปรุงจากงา ทำไม่ยากที่จะแนะนำ คือ เกี๊ยวกรอบคลุกงา มีส่วนเพียงไม่กี่อย่าง ประกอบด้วย

แผ่นเกี๊ยว
งาขาว และงาดำ อย่างละ 4 ช้อนโต๊ะ
เกลือ พอประมาณ
น้ำมันพืชสำหรับทอด พอประมาณ

ส่วน ขั้นตอนในการทำ เริ่มด้วยการนำงาทั้งสองชนิดมาผสมกัน นำแผ่นเกี๊ยวพรมน้ำเล็กน้อย จากนั้นโรยหน้าด้วยงาที่ผสมรอไว้ นำลงทอดในกระทะที่มีน้ำมัน 1 ใน 3 ทอดจนแผ่นเกี๊ยวฟูและเหลืองกรอบ ตักขึ้นซับน้ำมันแล้วโรยเกลือเล็กน้อย สามารถรับประทานพร้อมน้ำจิ้มรสหวาน หรือนำไปใส่ในสลัดผักก็ยังได้

ที่ มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

อาหารเพื่อสุขภาพ ประโยชน์จากยอดผัก

ผักบุ้ง ยอดผักบุ้งเป็นที่รวมของวิตามินเอ วิตามินบี 1 บี 2 วิตามินซี และใยอาหาร บำรุงสายตา

ผักกระเฉด มีวิตามิน ทั้งธาตุเหล็ก แคลเซียม ฟอสฟอรัส วิตามินซี ที่สำคัญยังมีเบต้าแคโรทีน อาหารของผิวสวยรวมอยู่ด้วย

ชะอม อุดมไปด้วยโปรตีนและวิตามินซี

ยอดกระถิน มีเบต้าแคโรทีน ที่ต่อต้านโรคมะเร็ง และผู้หญิงที่กำลังมีรอบเดือน ถ้ากินกระถินแล้วจะได้ธาตุเหล็กกลับไปสร้างเม็ดเลือดได้อีก

ตำลึง อุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน แคลเซียม ฟอสฟอรัส ธาตุเหล็ก วิตามินซี


ที่มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

อาหารเพื่อสุขภาพ น้ำใบบัวบก ช่วยให้ตาเป็นประกาย

อย่าเข้าใจว่า ใบบัวบก มีไว้ แก้ช้ำใน อย่างเดียว เพราะสรรพคุณทางยาตัวอื่น ๆ ที่อยู่ในผักใบเขียว ใบบัวบก ยังมีอีกเพียบ อาทิ บำรุงสายตา บำรุงสมอง ควบคุมระดับแรงดันโลหิตให้เป็นปกติ ลดภาวะความเป็นหมัน ช่วยชะลอความแก่ ช่วยป้องกันร่างกายด้วยการกำจัดสารพิษตกค้างในร่างกาย แก้ช้ำใน บำรุงกำลัง บำรุงหัวใจ แก้อ่อนเพลีย เมื่อยล้า ขับปัสสาวะ แก้อาการเริ่มเป็นบิด ท้องร่วง เป็นยาขจัดเลือดเสีย แก้โรคผิวหนัง แก้พิษงูกัด ระดูขาว ดับพิษไข้ แก้อาเจียนเป็นเลือด และดีซ่าน เป็นต้น

บัวบก เป็นพืชปลูกง่าย มีประวัติการใช้ประโยชน์ทางยามานาน มีใช้ทั้งในตำราอายุรเวทของประเทศจีนและแพทย์แผนไทย พบมากในประเทศแถบยุโรป แอฟริกา อินเดีย ปากีสถาน และศรีลังกา พบว่า ส่วนสำคัญที่มีคุณสมบัติพิเศษอยู่ที่ ส่วนของใบและราก

ศุกร์นี้ กินดี จึงหยิบเมนูสุขภาพทำได้ไม่ยากมาให้ลอง เมนูที่ว่าคือ น้ำใบบัวบก เตรียมส่วนผสม 3 อย่างคือ ใบบัวบก 10 กรัม, น้ำเปล่าต้มสุก 240 กรัม และน้ำเชื่อม 15 กรัม น้ำเชื่อมจะใส่มากใส่น้อย หรือไม่ใส่ก็ตามชอบ

มา ถึงวิธีทำ ล้างใบบัวบกให้สะอาด นำใส่เครื่องปั่นเติมน้ำต้มสุกเล็กน้อย แล้วปั่นจนละเอียด คั้นกรองเอาแต่น้ำ เติมน้ำเชื่อมปรุงรสตามใจชอบ


ที่ มาข้อมูล : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์

6/27/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ ผลไม้ 10 อย่างที่กินแล้วไม่อ้วน

ผลไม้ 10 ชนิดต่อไปนี้ จัดเป็นผลไม้ที่อุดมด้วยวิตามินและเกลือแร่ และ กินได้บ่อยๆ แบบไม่ต้องกลัวอ้วน ทั้งยังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์และเพิ่มภูมิคุ้ม กันอีกด้วย ผลไม้ทั้ง 10 ชนิดนี้มีปริมาณคาร์โบไฮเดรตเฉลี่ย 1.9 – 10 กรัมต่อน้ำหนัก 100 กรัม โดยอะโวกาโดมีคาร์โบไฮเดรตต่ำสุด แอปเปิลมีคาร์โบไฮเดรตสูงสุด

ผลไม้

1. กีวี - มีสารแอกทินิดีน ที่ช่วยสร้างภูมิคุ้มกันทำให้หัวใจแข็งแรง
2. มะเขือเทศ - ช่วยลดความเสียงจากมะเร็งและโรคหัวใจ
3. มะละกอ – ช่วยย่อยอาหารและโปรตีน
4. อะโวกาโด – ช่วยยับยั้งสารก่อมะเร็งชนิดต่างๆ ได้ถึง 30 ชนิด
5. สับปะรด – ช่วยต้านเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
6. ผลไม้จำพวกเบอร์รี่ – เช่น สตอเบอร์รี่ แบลคเบอร์รี่ ผลไม้กลุ่มนี้ดีต่อระบบไหลเวียนโลหิต
7. แครนเบอร์รี่ – ช่วยป้องกันนิ่วในไต ต้านเชื้อไวรัส
8. ผลไม้ตระกูลส้ม – ช่วยลดคอเลสเตอรอล และไขมันในเส้นเลือด
9. ผลไม้กลุ่มแตง – มีสรรพคุณสูงสุดในการล้างพิษให้กับร่างกาย
10. แอปเปิ้ล – ช่วยทำความสะอาดระบบย่อยอาหาร

อาหารเพื่อสุขภาพ สลัดนิค้อยส์

สลัดนิค้อยส์เป็นสลัดแบบฝรั่งเศส ถ้าใส่ไข่ด้วยจะช่วยเสริมโปรตีนและสารอาหารให้ครบถ้วน

ส่วนผสม

ผักกาดหอมหั่นท่อน 1 ต้น
แตงกวาหั่นเป็นแว่น 2–3 ลูก
มะเขือเทศผ่าหกซีก 2 ผล
หัวหอมใหญ่หั่นแว่น 1 หัว
ปลาทูน่า 1 กระป๋อง
น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันพืช 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำส้มสายชู 1 ช้อนชา
เกลือ 1/4 ช้อนชา
พริกไทยป่น 1/2 ช้อนชา
ใบเบซิล ออริกาโน และใบไทม์ป่น
มะกอกดำ 1 ถ้วย
ไข่ต้มสุก 2 ฟอง

วิธีทำ

จัดผักใส่ชามสลัด วางปลาทูน่า ลูกมะกอกฝรั่งดำ ไข่ต้มผ่าหกซีก ราดน้ำสลัด

วิธีทำน้ำสลัด

ผสมน้ำมันมะกอก น้ำส้ม เกลือ พริกไทย เครื่องเทศต่างๆ ใส่รวมกันตีให้เข้ากัน ถ้าชอบหวานเติมน้ำตาลเล็กน้อย

6/26/2553

อาการโรคหืดรักษาไม่ยากเท่าที่คุณคิด

ในคนปกติ จะมีผิวหลอดลมเรียบ ลมหายใจผ่านได้ดี ไม่มีอาการผิดปกติ แต่ในผู้ที่เป็นโรคหืดจะมีหลอดลมอักเสบบวมตีบแคบ ลมผ่านไม่สะดวก มีอาการ ไอ เหนื่อย แน่นหน้าอก ช่วงอาการกำเริบหลอดลมจะยิ่งตีบตัน มีเสมหะอุดตัน กล้ามเนื้อหลอดลมหดรัดตัว ลมผ่านได้ยากมีอาการหายใจวี้ด ไอมาก หายใจลำบาก หอบเหนื่อย

อีกทั้งหลอด ลมในโรคหืดจะไวต่อสิ่งกระตุ้น จึงควรสังเกตว่ามีสิ่งกระตุ้นใดที่ทำให้อาการหืดแย่ลง และสำคัญมากที่จะต้องหลีกเลี่ยงสิ่งกระตุ้นนั้น ๆ

สิ่งกระตุ้นอาการโรคหืด

ตัวอย่างสิ่งกระตุ้น เช่น ไรฝุ่น ซึ่งอาศัยอยู่กับขี้ไคลที่หลุดจากผิวหนังของมนุษย์ ชอบความชื้น และมักพบมากในฝุ่น ในบ้าน ฟูก หมอน ผ้าปูที่นอน พรม รวมทั้งเฟอร์นิเจอร์ต่าง ๆ จึงแนะนำว่าควรทำความสะอาดอย่างสม่ำเสมอ หลีกเลี่ยงการใช้พรม เฟอร์นิเจอร์ที่เก็บฝุ่น หมอนที่ไม่จำเป็น และตุ๊กตา โดยเฉพาะในห้องนอน หมั่นกวาดถูบ้านหรือดูดฝุ่นบ่อย ๆ ส่วนสิ่งกระตุ้นอีกประเภทหนึ่งก็คือ สัตว์เลี้ยง เช่น สุนัข แมว หนู นก สัตว์มีขนต่าง ๆ จะมีขี้ไคล น้ำลาย ที่ผู้ป่วยอาจแพ้และกระตุ้นให้อาการหืดกำเริบจนควบคุมไม่ได้

จึงแนะนำว่า ผู้ป่วยโรคหืดไม่ควรเลี้ยงสัตว์ เนื่องจากสัตว์เลี้ยงจะทำให้อาการหืดแย่ลง ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว แต่หากไม่สามารถเลิกเลี้ยงสัตว์เลี้ยงได้ ก็ไม่ควรนำเข้าห้องนอน และหลีกเลี่ยงไม่ให้สัตว์เลี้ยงเข้าใกล้พรมหรือเฟอร์นิเจอร์ที่เก็บฝุ่น สัตว์อีกชนิดที่เป็นตัวกระตุ้นก็คือ แมลงสาบ ซึ่งซากหรือสิ่งคัดหลั่งจากแมลงสาบ จะทำให้เกิดการแพ้ได้

นอกจากนี้ ควันบุหรี่จากการสูบทั้งภายในและนอกบ้าน ก็จะเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดอาการได้เช่นกัน การติดเชื้อทางเดินหายใจ เช่น เป็นหวัด คัดจมูก น้ำมูกไหลลงคอ หรือมีไซนัสอักเสบ จะทำให้อาการแย่ลงได้ ส่วนปัจจัยอื่นๆ อย่างเช่น สภาพอากาศที่เปลี่ยนแปลงไปทั้งร้อนจัด เย็นจัด ความเครียด การออกกำลังกายโดยไม่อบอุ่นร่างกาย และใช้ยาแก้อาการหืดก่อนออกกำลังกายทุกครั้ง ก็อาจทำให้อาการกำเริบได้ ฉะนั้น จึงควรปรึกษาขอคำแนะนำจากแพทย์ในเรื่องนี้ด้วยเช่นกัน เพราะการออกกำลังกายจะทำให้ปอดแข็งแรง นอกจากนี้ สิ่งที่มีกลิ่นฉุนรุนแรง ละอองเกสร หญ้า เชื้อรา ควันรถยนต์ และยาบางชนิด ก็อาจเป็นปัจจัยของการกำเริบอาการหืดได้เช่นกัน

การรักษา

การรักษาในปัจจุบัน ทำได้โดยการใช้ยาสูดพ่นเป็นหลัก เนื่องจากสามารถออกฤทธิ์ได้โดยตรงที่หลอดลมและมีผลข้างเคียงน้อยกว่ายาชนิด รับประทาน ซึ่งมี 2 ชนิดคือ

1. ยาที่ใช้ระยะยาวเพื่อควบคุมและป้องกันหืด เป็นยาที่ต้องใช้ต่อเนื่องตามแพทย์แนะนำ เพื่อป้องกันและลดการอักเสบของหลอดลม เมื่อควบคุมการอักเสบได้โอกาสที่จะมีอาการหืดกำเริบจะลดน้อยลงมาก จนมีคุณภาพชีวิตที่ใกล้เคียงคนปกติ โดยมากมักเป็นยาสเตียรอยด์ชนิดสูด และจำเป็นต้องใช้ต่อเนื่องกันทุกวันระยะยาว เพื่อให้ได้ผลการควบคุมและป้องกันได้ดี

2. ยาชนิดออกฤทธิ์เร็วและสั้น เป็นยาสูดที่ออกฤทธิ์ขยายหลอดลมอย่างรวดเร็ว เมื่อมีอาการหืด เกิดขึ้นแล้วเพื่อให้หายใจสะดวกขึ้นและสามารถใช้ก่อนการออกกำลังกายเพื่อ ป้องกันการกำเริบขณะออกกำลังกายได้ มีข้อแนะคือ ผู้ป่วยควรพกยาชนิดนี้ติดตัวเสมอเมื่อออกจากบ้านและควรใช้ยาให้ถูกวิธี หมั่นตรวจสอบวันหมดอายุ เสมอ

ในผู้ป่วยที่ควบคุมอาการได้ดีแล้ว มักจะไม่มีอาการกำเริบ จนเรียกได้ว่า มีชีวิตใกล้เคียงคนปกติ และต้องใช้ชนิดออกฤทธิ์เร็วและสั้น เพื่อบรรเทาอาการน้อยมาก

เป้าหมายในการควบคุมโรคหืด

การรักษาโรคหืดในปัจจุบันมุ่งให้ผู้ป่วยมีอาการน้อยที่สุด ควบคุมอาการได้ดี จนใกล้เคียงคนปกติ และสามารถใช้ชีวิตได้ตามต้องการ ดังนี้

- ไม่มีอาการหอบในช่วงระหว่างวัน

- ไม่มีอาการหอบในช่วงเวลากลางคืน

- ไม่มีอาการกำเริบของโรคหืด เช่น หายใจลำบาก นอนราบไม่ได้ หรือไอ

- ไม่ต้องใช้ยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์สั้น

- ไม่ต้องไปห้องฉุกเฉิน เนื่องจากอาการหอบ

- ค่าสมรรถภาพปอดปกติ หรือมากกว่า 80% ของค่าเป้าหมาย

- ไม่มีผลข้างเคียงจากการใช้ยารักษาโรคหืด

โรคหืดเป็นโรคที่ต้องรักษาต่อเนื่องระยะยาว ผู้ป่วยจึงควรมารับการรักษาตามนัดทุกครั้งและใช้ยาอย่างต่อเนื่อง เพื่อควบคุมและป้องกันหืดไม่ให้กำเริบและสามารถใช้ชีวิตได้ตามปกติ

แต่หากมีอาการกำเริบ แนะนำให้ปฏิบัติตามดังต่อไปนี้

- เมื่อมีอาการหอบ เหนื่อย ไอมากขึ้น แน่นหน้าอก ให้สูดยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์เร็ว 1-3 ครั้ง ห่างครั้งละ 10 นาที

- สังเกตอาการ หากอาการดีขึ้น ก็ให้สูดยาขยายหลอดลมชนิดออกฤทธิ์เร็วทุก ๆ 4-6 ชั่วโมง ต่ออีกเป็นเวลา 24-48 ชั่วโมง หลังจากนั้นให้ไปพบแพทย์

- หากอาการไม่ดีขึ้น หรือแย่ลง ให้รีบไปพบแพทย์ทันที

* อ้างอิงภาพประกอบจาก http://ic-enzyme.com/respirat. html *

ศ.พญ.สุมาลี เกียรติบุญศรี
หน่วยโรคระบบการหายใจและเวชบำบัดวิกฤติ ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทย์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

ไขข้อกังวลกับโรคด่าวขาว

ปัจจุบันยังไม่ทราบสาเหตุที่แน่ชัด แต่จากการสันนิษฐานพบว่า อาจเกิดจากการที่ระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี เกิดความผิดปกติภายในเซลล์สร้างเม็ดสีที่มีการทำลายตัวเอง เกิดความผิดปกติในกลไกการกำจัดอนุมูลอิสระ และความผิดปกติของสารที่หลั่งจากปลายประสาทมาทำลายเซลล์สร้างเม็ดสี เป็นต้น

ลักษณะการเกิดด่างขาว รอยโรคจะเกิดขึ้นเองโดยไม่มีอาการ ลักษณะผื่นที่ขึ้นในตอนแรกจะเป็น สีขาวจางขอบเขตไม่ชัด แต่เมื่อเป็นนานขึ้นจะเห็นเป็นสีขาว ขอบชัดเจน อาจมีรูปร่างวงกลม วงรี หรืออาจมีหลายวงรวมกันจนเป็นวงใหญ่ที่มีขอบเขตหยักก็ได้ รอยโรคที่เกิดขึ้นนี้สามารถมีขนาดตั้งแต่จุดเล็กไปจนถึงปื้นใหญ่ได้ ทั้งยังพบได้ทุกส่วนของร่างกาย โดยเฉพาะใบหน้า ริมฝีปาก มือ เท้า ผิวหนังเหนือข้อ นอกจากนี้เส้นขนบริเวณผิวหนังที่เป็นโรคด่างขาวอาจมีสีขาวตามไปด้วย ในบางรายอาจเป็นแค่ส่วนใดส่วนหนึ่งของร่างกาย แต่ในขณะที่บางรายอาจเป็นรอยขาวทั่วตัวจนเหลือสีผิวปกติเพียงบางส่วน

ด้านสุขภาพทั่วไปของผู้ที่เป็นโรคด่างขาวจะปกติดี แต่ในบางรายอาจพบโรคด่างขาวร่วมกับโรคไทรอยด์ โรคเบาหวาน หรือโรคแพ้ภูมิตนเองบางชนิดได้เช่นกัน

เนื่องด้วย มีโรคผิวหนังหลายชนิดที่มีลักษณะสีขาว ดังนั้น ต้องแยกโรคด่างขาวจากโรคที่มีความผิดปกติของสีผิวอื่น ๆ ที่มีลักษณะคล้ายกัน เช่น โรคเกลื้อน ตกกระขาว และกลากน้ำนม ออกจากกัน ซึ่งแพทย์จะเป็นผู้ทำการวินิจฉัยว่ารอยสีขาวที่เกิดขึ้นนั้นเกิดจากสาเหตุใด


สำหรับความรุนแรงและการดำเนินโรคของผู้ที่เป็นจะแตกต่างกันไป บางรายอาจเป็นเฉพาะที่ และคงอยู่เช่นนั้นเป็นเวลานานโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลง ในขณะที่บางรายอาจจะมีการลุกลามเร็วในช่วงไม่กี่เดือน และในบางรายก็อาจมีเม็ดสีปกติกลับขึ้นมาเองได้

การรักษาที่สำคัญคือ การหลบเลี่ยงแสงแดด เนื่องจากสีผิวที่ขาวในบริเวณโรคด่างขาวนั้น ไม่สามารถปกป้องตัวเองจากแสงแดดได้ เพราะไม่มีเซลล์สร้างเม็ดสี ซึ่งทำหน้าที่ป้องกันแสงแดด ดังนั้น ผิวจะไหม้เกรียมได้ง่าย จึงควรใช้ครีมกันแดดที่มีเอสพีเอฟ เบอร์ 15 ขึ้นไป โดยเฉพาะควรทาบริเวณที่ไม่มีเสื้อผ้าปกคลุม

คำถามยอดฮิตที่ถามกันเข้ามามากก็คือ มีวิธีการใดบ้างที่จะทำให้สีผิวปกติกลับมา

วิธีการที่จะทำให้สีผิวปกติกลับมามีหลายวิธี ดังนี้

1. การใช้ยา เช่น ยาทาในกลุ่มสเตียรอยด์ ยาทากระตุ้นสีผิว ซึ่งต้องทาและตากแดดในเวลาที่แพทย์กำหนด จะทำให้เหมาะกับผู้ที่เป็นไม่มาก และไม่สะดวกที่จะมาฉายแสง

2. การฉายแสงอาทิตย์เทียม (อัลตราไวโอเลต ชนิด เอ และ บี) ซึ่งมีทั้งชนิดฉายเฉพาะที่ และฉายทั้งตัว แต่มีผลข้างเคียงคือ อาจเกิดอาการปวดแสบปวดร้อนที่ผิวหนังได้ หากได้รับปริมาณแสงที่มากเกินไป นอกจากนี้ผู้ป่วยต้องเข้ามาฉายแสงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง

3. การใช้เลเซอร์ เช่น เอ็กไซเมอร์ เลเซอร์ ซึ่งมีประสิทธิภาพไม่ต่างจากเครื่องฉายแสงอัลตราไวโอเลตทั่วไป นอกจากนี้ยังมีราคาแพง และต้องเข้ามาฉายอยู่บ่อยครั้งเช่นกัน

4. การปลูกถ่ายเซลล์เม็ดสี โดยทำการลอกผิวหนังบริเวณด่างขาวออก และนำผิวหนังปกติที่มีเซลล์สร้างเม็ดสีมาปลูกแทน วิธีนี้ให้ผลการรักษาที่ดี แต่ทำได้ครั้งละไม่มากและต้องทำซ้ำหลายครั้ง จึงไม่เหมาะกับผู้ที่เป็นบริเวณกว้าง และจะทำได้ต่อเมื่อตัวโรคไม่ลามแล้ว

5. การใช้เครื่องสำอางปกปิดสีผิว เช่น เมคอัพ ผลิตภัณฑ์แทนนิ่ง ซึ่งจะช่วยพรางสี ทำให้เห็นรอยโรคน้อยลง

หลายท่านอาจสงสัยว่าเป็นโรคนี้แล้ว จะหายขาดหรือไม่

คำตอบคือ บางรายหายขาด บางรายไม่หายแต่ดีขึ้น บางรายไม่ตอบสนองต่อการรักษาเลย และบางรายหายแล้วกลับมาเป็นใหม่ แต่ไม่ว่าจะรักษาด้วยวิธีการใดก็ตาม ต้องใช้เวลาในการรักษานานหลายเดือนจนถึงเป็นปี อย่างไรก็ตามโรคนี้ไม่มีอันตรายต่อสุขภาพและไม่สามารถติดต่อไปยังบุคคลข้าง เคียงได้

ดังนั้น อาจจะไม่รักษาก็ได้ หากไม่ได้กังวลเรื่องความสวยงาม บางรายอาจกังวลว่าจะกลายเป็นมะเร็งผิวหนังในอนาคต แต่จากข้อมูลการศึกษาล่าสุดพบว่า อัตราการเกิดมะเร็งผิวหนังในผู้ที่เป็นด่างขาวไม่ต่างจากประชากรทั่วไป

หลังจากได้อ่านบทความนี้แล้ว ผู้ที่มีรอยสีขาวตามตัว อาจจะเริ่มกังวลว่าตนเองจะเป็นโรคด่างขาวหรือไม่ จึงแนะนำว่าให้มาปรึกษาแพทย์ผู้เชี่ยวชาญทางผิวหนังก่อนจะดีกว่า เพราะบางรายอาจเป็นโรคเกลื้อน ตกกระขาว กลากน้ำนม หรือโรคอื่นที่มีลักษณะคล้ายโรคด่างขาวก็ได้ ซึ่งการรักษาในแต่ละโรคจะแตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง.

นพ.วาสนภ วชิรมน
หน่วยผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

อาการท้องผูก ไม่ใช่เรื่องธรรมดา

อะไรเป็นสาเหตุของอาการท้องผูก?

เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ขออธิบายดังต่อไปนี้ในระบบทางเดินอาหารเป็นลักษณะท่อกลวง ที่ภายในมีเยื่อหุ้มรายล้อมเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว ในการย่อย ดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อรับประทานอาหารผ่านช่องปาก ผ่านไปยังกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ผ่านทวารหนักแล้วขับถ่ายเป็นอุจจาระออกจากร่างกายแล้ว ในระหว่างที่อาหารผ่านส่วนต่าง ๆ จะถูกย่อยและดูดซึมน้ำที่เป็นส่วนประกอบออกไป ส่วนที่เหลือจึงขับถ่ายออกมาเป็นกากอาหารในอุจจาระดังที่เห็นกัน
ส่วนของกล้ามเนื้อเรียบเล็ก ในลำไส้ส่วนโคลอนจะบีบตัวพร้อมกัน เป็นการดันกากอาหารที่ย่อยแล้วเป็นอุจจาระดันไปยังส่วนของทวารหนักจึงจะเห็น ได้ว่าอุจจาระจะเป็นของแข็ง เนื่องจากน้ำได้ถูกดูดซึมไปก่อนแล้ว หากลำไส้ส่วนที่เป็นลำไส้ใหญ่ ดูดซึมน้ำกลับเป็นปริมาณมาก การบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ใหญ่จะทำงานและบีบตัวน้อยลง ยิ่งทำให้กากอุจจาระเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ใหญ่ไปอย่างช้า ๆ ลำไส้ใหญ่ก็จะดูดซึมน้ำที่เป็นส่วนประกอบออกไปมากขึ้น อุจจาระจึงยิ่งแข็ง แข็งมาก และยิ่งแห้งมาก ทำให้เกิดภาวะท้องผูก ขับถ่ายได้ยาก

สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบของปัญหาท้องผูก สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบมีดังต่อไปนี้

การกินอาหารประเภทใยอาหาร (ไฟเบอร์) ไม่พอเพียง

พบว่าการรับประทานอาหารประเภทเส้นใยที่พอเพียง ทำให้พบภาวะท้องผูกได้น้อย และหากบริโภคอาหารประเภทไขมันสูง เช่น เนย ชีส ไข่ เนื้อ หรือหมู มากเกินไปก็อาจทำให้ท้องผูกมากขึ้นได้ อาหารประเภทเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่มักเรียกกันทับศัพท์บ่อย ๆ จะมีทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ซึ่งใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำจะเปลี่ยนรูปเป็นก้อนและนิ่ม ช่วยป้องกันไม่ให้อุจจาระแข็ง แห้ง และสามารถขับถ่ายได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงเบ่งมาก

การดื่มน้ำไม่พอเพียง

จากการศึกษาวิจัยพบว่า การดื่มน้ำมากขึ้นอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการช่วยรักษาอาการท้องผูก แต่ยังมีปัจจัยอื่นเสริม เช่น การดื่มน้ำผลไม้ น้ำลูกพรุน น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้มค้น น้ำฝรั่ง เป็นประจำและสลับกันไปจะช่วยทำให้อุจจาระนิ่มตัว และการผ่านของอุจจาระสามารถทำได้ง่าย ช่วยรักษาภาวะท้องผูกได้ดีกว่า แต่ข้อควรระวังคือ น้ำหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ กาเฟอีน จะไม่ช่วยรักษาภาวะท้องผูก แต่จะทำให้ปัสสาวะบ่อยและขาดน้ำมากขึ้น ทำให้อาการท้องผูกแย่ลง

ไม่มีกิจกรรมหรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างพอเพียง

การขาดกิจกรรม ขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ก็อาจเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดอาการท้องผูก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ป่วยนอนติดเตียง และในคนชรา มักพบได้มาก

ยาหลายประเภทก็เป็นสาเหตุให้เกิดท้องผูก

ยาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาการเจ็บป่วย อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของระบบลำไส้ โดยเฉพาะยาที่มีผลกับระบบประสาทอัตโนมัติ ซิมพาเทติคและพาราซิมพาเทติค ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ โดยตรง

ถึงเวลาถ่ายแต่อั้นไว้ ไม่ยอมถ่าย

พบภาวะนี้ในเด็กที่ห่วงเล่น มีสมาธิสั้น ในคนที่ไม่อยากขับถ่ายนอกบ้าน เครียดจนไม่อยากขับถ่าย หากเกิดกระบวนการดังกล่าวนี้ จะทำให้การขับถ่ายไม่เป็นไปตามปกติ โอกาสเกิดท้องผูกจึงเกิดได้ง่าย แล้วจะเกิดได้อยู่บ่อยครั้ง รักษายังไงก็ไม่หาย เพราะสาเหตุเกิดมาจากพฤติกรรมไม่ได้เกิดจากพยาธิสภาพของทางเดินอาหาร

นอกจากนี้ โรคจำเพาะบางโรค เช่น โรคทางสมองและระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ โรคทางเมตาบอลิก โรคต่าง ๆ ตามระบบอวัยวะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่โรคเหล่านี้ทำให้ลำไส้เคลื่อนตัวช้าลง อุจจาระจึงผ่านไปช้า ๆ และเกิดกากอุจจาระที่แข็งได้ง่าย

มีปัญหาที่ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก หรือมีความผิดปกติในหน้าที่การงาน

ที่พบบ่อย เช่น การอุดตันของลำไส้จากแผลเป็น การผ่าตัด หรือเนื้องอก การตีบของลำไส้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือทวารหนัก

ปัญหาท้องผูก อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากพบว่าตัวเอง เป็นอยู่บ่อยครั้งเกินไป ก็อาจเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นภายในร่างกาย ซึ่งควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษา

เพราะปัญหาท้องผูก..อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อย่างที่คิด.


6/25/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ ข้าวพิมพ์ทอด

อาหารเพื่อสุขภาพ ข้าวพิมพ์ทอด

อาหารว่างสีเหลืองสวย หน้าตากระจุ๋มกระจิ๋มที่ชื่อ “ข้าวพิมพ์ ทอด” จานนี้ น่าจะเข้ามาเป็นจานโปรดประจำครอบครัวได้ไม่ยากนัก ด้วยวัตถุดิบที่หาง่าย กรรมวิธีการทำก็แสนง่าย ใช้เวลาไม่นานก็ได้อร่อยกันแล้ว ด้วยการดัดแปลงข้าวสวยที่รับประทานกันทุกวัน มาคลุกเคล้าเข้ากับส่วนผสม ให้เป็นอาหารวางที่ให้คุณค่างทางอาหารครบถ้วน ทำเป็นชิ้นขนาดพอคำ ทำให้ง่ายต่อการรับประทาน ถือเป็นอากรว่างง่าย ๆ แบบไทย ๆ ที่ไปกันไดดีกับซอนพริกแบบฝรั่ง

ส่วนผสม
ข้าวสวย 3 ถ้วย
กระเทียมเจียว 3 ช้อนโต๊ะ
หมูแฮมหั่นสี่เหลี่ยมลูกเต๋า 1 /2 ถ้วยตวง
เม็ดถั่วลันเตา 1 /4 ถ้วยตวง
พริกไทยป่น 1 ช้อนชา
เกลือป่น 1 ช้อนชา
ไข่แดง 1 ฟอง
นมข้นหวาน 2 ช้อนโต๊ะ
เกล็ดขนมปัง 1 / 4 ถ้วยตวง
ไข่ขาว
น้ำมันสำหรับทอด

วิธีทำ

1. ผสมข้าวสวย กระเทียม หมูแฮม เม็ดถั่วลันเตา พริกไทยป่น เกลือป่น ไข่แดง นมข้นหวาน แป้งสาลี คลุกเคล้าให้เข้ากัน
2. ตักใส่พิมพ์กดให้แน่น
3. นำมาชุบไข่ขาว คลุกเกล็ดขนมปัง ทอดให้เหลืองทั่ว ตักขึ้นพักให้สะเด็ดน้ำมัน
4. จัดเสิร์ฟคู่กับซอสพริก

อาหารเพื่อสุขภาพ ขนมปังไส้ มะพร้าว

ขนมปังไส้ มะพร้าว

ส่วนผสม
แป้งสาลีสำหรับทำขนมปัง 1 กิโลกรัม
นมผง 50 กรัม
ยีสต์แห้ง 15 กรัม
น้ำเปล่า 530 กรัม
น้ำตาลทราย 300 กรัม
ไข่ไก่ 2 ฟอง
เกลือป่น 10 กรัม
วานิลลา 15 กรัม
เนยขาว 100 กรัม
เนยสดหรือเนยจืด

วิธีทำ

1. ร่อนแป้งผสมนมผง ยีสต์แห้ง ให้เข้ากัน
2. ละลายน้ำเปล่า เกลือป่น น้ำตาลทราย ไข่ไก่ วานิลลาให้เข้ากันดี เทลงในส่วนผสมแป้ง นวดพอเข้ากันดี ใส่เนยขาวนวดจนเนียน
3. หมักแป้งให้ขึ้นเป็น 2 เท่า
4. ไล่อากาศ แล้วแบ่งแป้งเป็นก้อน ก้อนละ 120 กรัม คลึงแป้งเป็นรูปสี่เหลี่ยมผืนผ้า โรยไส้มะพร้าว ม้วนให้แน่น ผ่ากลางไม่ให้ขาด จัดวางลงบนพิมพ์ที่ทาเนยขาวแล้ว
5. พักให้ขึ้นเป็น 2 เท่า นำเข้าอบที่อุณหภูมิ 180 องศาเซลเซียส จนกระทั่งสุกเหลือง นำออกจากเตา ทาด้วยเนยสดขณะที่ขนมยังร้อนอยู่


ส่วนผสมไส้มะพร้าว
มะพร้าวทึนทึก ขูดเป็นเส้น ๆ 300 กรัม
น้ำตาลทราย 250 – 300 กรัม
เนยสด 30 กรัม

วิธีทำ

กวนมะพร้าวกับน้ำตาลทรายพอเข้ากัน ตั้งไฟอ่อน พอแห้งใส่เนยสด ตักขึ้นพักไว้

6/24/2553

ตำรับอาหารไทยเพื่อสุขภาพ

ข้าวยำ

เป็นอาหารที่ให้พลังงานค่อนข้างมาก ให้โปรตีนสูงแต่ไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุเหล็กสูงมาก และยังให้วิตามินเอและวิตามินบี 1 สูงเป็นพิเศษ อีกทั้งยังเป็นอาหารบำรุงธาตุ บำรุงกำลัง และบำรุงโลหิต ข้าวยำเป็นอาหารที่มีลักษณะเฉพาะที่สะท้อนถึงวัฒนธรรมการกินของชาวใต้ ซึ่งจะต้องมีองค์ประกอบที่ขาดไม่ได้คือ "น้ำบูดู" ซึ่งเป็นภูมิปัญญาในการปรุงแต่งรสอาหารของชาวใต้ โดยเป็นการนำเอาพืชผักสมุนไพรพื้นบ้านมาเป็นเครื่องปรุงที่มีคุณค่าอาหารสูง และเป็นความชาญฉลาดที่นำเอาสมุนไพรพื้นบ้านมาปรุงเป็นยาแต่อยู่ในรูปของ อาหาร


ห่อหมกปลา


เป็นอาหารที่ให้พลังงานสูงแต่ให้โปรตีนและไขมันน้อย เป็นอาหารที่ให้ธาตุแคลเซียมสูงเป็นพิเศษ ประกอบด้วย เครื่องปรุงสมุนไพรหลายชนิดที่ช่วยให้มีคุณค่าอาหารสูง สรรพคุณทางยาของห่อหมกปลาส่วนใหญ่มาจากเครื่องปรุงสมุนไพร เช่น กระชาย กระเทียม ใบยอ ข่า ตระไคร้ โหระพา พริก รากผักชี ทำให้เป็นอาหารที่บำรุงธาตุ บำรุงกระดูก เจริญอาหาร ขับลม ขับเหงื่อแก้จุกเสียด ช่วยลดความดันโลหิตสูง ทางด้านภูมิปัญญานั้น คือ เป็นการนำเอาเครื่องปรุงสมุนไพรหลากรสมารวมกับกะทิและเนื้อปลา กลายเป็นยาในรูปแบบของอาหารที่มีคุณค่าสูง และยังมีศิลปะในการนำใบตองมาห่อแทนการใช้ภาชนะ เพิ่มกลิ่นรส ร่วมกับใบยออ่อนที่ใช้รอง เป็นการผสมผสานการใช้ประโยชน์จากธรรมชาติโดยแท้



แกงป่า

เป็นอาหารที่ให้พลังงานและ ไขมันต่ำ แต่ให้กากและใยอาหารสูงมาก ให้แร่ธาตุและวิตามินสูงเกือบทุกชนิด ช่วย ปรับสมดุลร่างกาย ขับลม แก้ท้องอืดท้องเฟ้อ ช่วยลดความดันโลหิต ฆ่าพยาธิและเชื้อแบคทีเรีย แกงป่าเป็นภูมิปัญญาชาวบ้านในการจัดการ สภาพแวดล้อมเพื่อความอยู่รอด โดยการนำผักพื้นบ้านและสมุนไพรหลากหลายชนิดมาปรุงอย่างง่าย ๆ แต่ได้รสกลมกล่อม เป็นการปรุงยาให้อยู่ในรูปอาหารที่อร่อยมาก

การกินอาหารเพื่อสุขภาพที่ดี 10 วิธี





1. กินอาหารเช้า เป็นพฤติกรรมพื้นฐานที่ส่งผลต่อจิตใจ และพลังชีวิตของคุณไปตลอดทั้งวัน และช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ลดอัตราเสี่ยงต่อการเกิดโรคหัวใจ ช่วยเผาผลาญพลังงานให้ดีขึ้น ทำให้คุณกินอาหารในมื้ออื่นๆ น้อยลง

2. เปลี่ยนน้ำมันที่ใช้ปรุงอาหาร ยอมจ่ายแพงสักนิดใช้น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันดอกทานตะวัน ปรุงอาหารแทนน้ำมันแบบเดิมที่เคยใช้ เพราะเป็นไขมันที่ไม่เป็นโทษต่อร่างกาย และมีกรดไขมันอิ่มตัวที่เป็นประโยชน์ ช่วยลดไขมันในเส้นเลือดได้เป็นอย่างดี

3. ดื่มน้ำให้มากขึ้น คนเราควรดื่มน้ำวันละ 2 ลิตรเป็นอย่างน้อย (ยกเว้นในรายที่ไตทำงานผิดปกติ) เพื่อหล่อเลี้ยงเซลล์ในร่างกาย ฟื้นฟูระบบขับถ่าย รักษาระดับความเข้มข้นของเลือด จะทำให้สดชื่นตลอดวันเลยทีเดียว

4. เสริมสร้างแคลเซียมให้กับกระดูก ด้วยการดื่มนม กินปลาตัวเล็กทั้งตัวทั้งก้าง เต้าหู้ ผลิตภัณฑ์จากถั่วเหลือง ผักใบเขียว เพราะแคลเซียมเป็นสิ่งจำเป็นที่จะเสริมสร้างความแข็งแรงให้กับกล้ามเนื้อและกระดูก ทำให้ระบบประสาททำงานได้เต็มประสิทธิภาพ

5. บอกลาขนมและของกินจุบจิบ ตัดของโปรดประเภทโดนัท คุกกี้ เค้กหน้าครีมหนานุ่ม ออกจากชีวิตบ้าง แล้วหันมากินผลไม้เป็นของว่างแทน วิตามิน และกากใยในผลไม้ มีประโยชน์กว่าไขมัน และน้ำตาลจากขนมหวานเป็นไหนๆ

6. สร้างความคุ้นเคยกับการกินธัญพืชและข้าวกล้อง เมล็ดทานตะวัน ข้าวฟ่างและลูกเดือย รวมทั้งข้าวกล้องที่เคยคิดว่าเป็นอาหารนก ได้มีการศึกษาและค้นคว้าแล้ว พบว่า ช่วยลดความเสี่ยงต่อโรคหัวใจถึง 1 ใน 3 เลยทีเดียว เพราะอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ที่ช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล และควบคุมน้ำตาลในเลือดให้สมดุล

7. จัดน้ำชาให้ตัวเอง ทั้งชาดำ ชาเขียว ชาอู่ล่ง หรือเอิร์ลเกรย์ ล้วนแล้วแต่มีคุณสมบัติต้านอนุมูลอิสระ การดื่มชาวันละ 1 ถึง 3 แก้ว ช่วยลดอัตราเสี่ยงมะเร็งกระเพาะอาหารถึง 30%

8. กินให้ครบทุกสิ่งที่ธรรมชาติมี คุณต้องพยายามรับประทานผักผลไม้ต่างๆ ให้หลากสี เป็นต้นว่า สีแดงมะเขือเทศ สีม่วงองุ่น สีเขียวบล็อกเคอรี สีส้มแครอท อย่ายึดติดอยู่กับการกินอะไรเพียงอย่างเดียว เพราะพืชต่างสีกัน มีสารอาหารต่างชนิดกัน แถมยังเป็นการเพิ่มสีสันการกินให้กับคุณด้วย

9. เปลี่ยนตัวเองให้เป็นคนรักปลา การกินปลาอย่างน้อยอาทิตย์ละครั้ง ได้ทั้งความฉลาดและแข็งแรง เพราะปลามีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโปรตีน ที่ช่วยควบคุมการเต้นของหัวใจให้เป็นปกติ และบำรุงเซลล์สมอง ทั้งยังมีไขมันน้อย อร่อย ย่อยง่าย เหมาะสำหรับคนที่ต้องการหุ่นเพรียวลมเป็นที่สุด

10. กินถั่วให้เป็นนิสัย ทำให้ถั่วเป็นส่วนหนึ่งของอาหารที่คุณต้องกินทุกวัน วันละสัก 2 ช้อน ไม่ว่าจะเป็นของหวานของคาว หรือว่าของว่างก็ทั้งโปรตีน วิตามิน และแร่ธาตุสำคัญๆ หลายชนิด ต่างพากันไปชุมนุมอยู่ในถั่วเหล่านี้ ควรกินถั่วอย่างสม่ำเสมอ แต่ไม่ควรกินครั้งละมากๆ เพราะมีแคลอรี่สูง อาจทำให้อ้วนได้

6/23/2553

อาหารเพื่อสุขภาพ เมี่ยงปลาทู


เครื่องปรุง

- ปลาทู (จะมากหรือน้อย ก้อแล้วแต่ความต้องการ)
- ผักกาดหอมหรือผักกาดแก้ว เลือกเอาแบบสดๆอ่อนๆ
- มะนาว - น้ำเชื่อม - น้ำปลา - พริกขี้หนู
- ถั่วลิสงคั่ว
- กุ้งแห้ง
- เส้นหมี่
- กระเทียม

วิธีทำ

เริ่มแรกให้ทำน้ำซอสที่ไว้ราดเมี่ยงก่อนนะคับ โดยการนำกุ้งแห้งมาตำและบดในครกให้ละเอียดๆเลย ให้ใช้เยอะๆหน่อยนะคับ จะได้อร่อยๆ เมื่อทำเสร็จแล้ว ก้อนำกระเที่ยมมาแกะเปลือกออกให้หมด เอาแต่เนื้อมาตำจนละเอียดอีกเช่นกัน มาทำเสร็จก้อนำถั่วลิสงมาตำในครกให้ละเอียด เหมือนกับกุ้งแห้งและกระเทียม เสร็จแล้วก้อนำทั้งสามอย่างมาใส่จานรวมกัน และปรุงรสด้วย มะนาว- น้ำเชื่อม - น้ำปลา - พริกขี้หนู ถ้าชอบรสไหนก้อใส่อันนี้มากหน่อยก้อได้คับ

ต่อมาก้อนำเส้นหมี่ไปแช่น้ำให้นิ่ม และนำไปลวกคับ ส่วนผักกาดก้อนำไปล้างน้ำให้สะอาด เลือกเอาสีอ่อนๆมานะคับ เพราะว่าจะหวานและกรอบ ทำให้เมี่ยงของเราอร่อยยิ่งขึ้นไปอีก

ส่วนปลาทูที่เราใช้ทำเมี่ยงต้องทอดไฟอ่อนๆนะคับผม

วิธีรับประทาน

นำผักกาดหอมมาวางไว้ในมือ แล้วนำเนื้อปลาทูที่เราทอดไว้วางลงไป ต่อด้วยเส้นหมี่ แล้วราดน้ำซอสที่เราเตียมไว้ลงไปให้ชุ่มๆ เสร็จแล้วก้อม้วนผักกาดของเราให้เป็นก้อนพอดีคำ แล้วก้อใส่เข้าปากไปเลยคับ เหมาะ

อาหารเพื่อสุขภาพ ลูกชิ้นแครอท



อาหารเพื่อสุขภาพ ลูกชิ้นแครอท


การที่จะให้เด็กๆ กินแครอทล้วนๆ เป็นเรื่องยากทีเดียว หรือแม้แต่ผู้ใหญ่บางคน ดังนั้น แต่ถ้าเราใช้เทคนิคการปรุงให้ดูคุ้นตาน่ารับประทาน เราก็จะได้รับประโยชน์จากผักชนิดนี้อย่างมาก
เพราะการกินแครอทเป็นการช่วยลดน้ำตาลในเลือด ป้องกันโรคมะเร็งและรักษาโรคตาบอดตอนกลางคืน
และยังมีผักชนิดต่าง ๆ อีก คือ ขิงสด แก้อาเจียน รักษาโรคหวัด หอมแดง ช่วยลดไขมันในเส้นเลือด
แก้ไข้หวัด ปวดท้อง ท้องผูก งาขาว ช่วยระบายท้อง รักษาโรคโลหิตจาง ท้องผูก
สับประรด แก้อาหารไม่ย่อย อาเจียน ท้องอืด ซึ่งอาหารจานนี้
เป็นอาหารเพื่อสุขภาพที่ให้ประโยชน์ต่อร่าง กายตามหลักของชีวจิต

เครื่องปรุง
- แครอทปอกเปลือกบางๆ แล้วหั่นเป็นแว่นบางๆ 2 หัว
- ขิงสดสับละเอียด 1 ช้อนชา
- หอมแดงสับละเอียด 2 หัว
- น้ำมันงา
- ไข่ 1 ฟอง ตีให้แตก
- แป้งข้าวโพด 1 ถ้วย
-เกลือป่น 1/2 ช้อนชา
- พริกไทยป่น
- งาขาว 1 ถ้วย
- สับปะรดหั่นเป็นแว่น 1/2 ลูก
- มะเขือเทศสีดาลูกเล็ก 20 ลูก

วิธีทำ
- นำแครอทไปต้มในน้ำเดือดที่ผสมเกลือนิดหน่อย จนกระทั่งแครอทมีเนื้อนุ่ม ตักแครอทขึ้นแล้วบดให้ละเอียด
- บีบน้ำขิงที่สับละเอียดผสมลงไปในแครอทที่บดแล้ว เติมหอมแดงที่สับละเอียด ใส่น้ำมันงานิดหน่อย พร้อมกับเทไข่ที่ตีไว้ลงไป คลุกเคล้าให้เข้าเป็นเนื้อเดียวกัน
- ปั้นแครอทเป็นก้อนกลมๆ คลุกลูกชิ้นแครอทกับแป้งข้าวโพดและเมล็ดงา
- ใส่น้ำมันงาลงกระทะ ตั้งไฟพอร้อนปานกลาง ใส่ลูกชิ้นแครอทลงทอดจนเหลือง ตักขึ้นวางบนกระดาษซับมัน
- รอจนเย็นแล้วค่อยนำมาเสียบไม้สลับกับสับปะรดและมะเขือเทศ จัดเสิร์ฟพร้อมซอสพริกหรือน้ำจิ้มบ๊วยสำหรับเด็ก


อาหารเพื่อสุขภาพ ผัดผักรวมกับงาขาว


อาหารเพื่อสุขภาพ ผัดผักรวมกับงาขาว




เครื่องปรุง


กุ้งแชบ๊วยหั่นชิ้น 100 กรัม

เห็ดฟาง 5 ดอก

กะหล่ำปลี 1/4 หัว

ผักไผ่หั่นหยาบ 1/2 ถ้วย

งาขาวคั่ว 3 ช้อนโต๊ะ

พริกแห้งแกะเมล็ด ออกแช่น้ำ 3 เม็ด

กระเทียมซอย 1 ช้อนโต๊ะ

หอมแดงซอย 3 หัว

เกลือป่น 1/2 ช้อนชา

น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา

น้ำมะนาว 2 ช้อนโต๊ะ

น้ำมันมะกอก 1 ช้อนโต๊ะ



วิธีทำ

1.ล้องเห็ดฟาง กะหล่ำปลี เฉือนเอาโคนที่สกปรกของเห็ดฟางออก หั่นเป็นชิ้นบางตามยาว กะหล่ำปลีหั่นหยาบๆ

2. ต้มน้ำให้เดือด ลวกเห็ดฟางและกะหล่ำปลีพอสุก ตักขึ้นให้สะเด็ดน้ำ พักไว้

3. โขลกพริกแห้ง กระเทียม หอมแดง เกลือเข้าด้วยกันให้ละเอียด ผัดกับน้ำมันมะกอกให้หอม ปรุงรสด้วยน้ำตาล

4. ใส่เนื้อกุ้ง ผัดพอกุ้งสุก ยกลง ใส่น้ำมะนาว เคลาให้เข้ากันเป็นน้ำยำ

5. เมื่อจะรับประทาน ใส่ผักลวกลงในอ่างผสม ใส่ผักไผ่และน้ำยา เคล้าเบาๆ ให้เข้ากัน ตักใส่จาน โรงงาขาว เสิร์ฟ

คุณค่าทางอาหาร

งา เมล็ดพืชเล็กจิ๋วที่อุดมไปด้วยสารอาหาร มี 2 แบบ คือ งาดำ และงาขาว นอกจากนี้ยังมีน้ำมันงาที่ใช้ปรุงอาหารได้ดี เพราะมีกลิ่นหอมและกรดไขมันที่มีประโยชน์

สารอาหารที่มีอยู่ในเมล็ดงาล้วนแต่มีประโยชน์ ทั้งสิ้น เช่น โปรตีนในงามีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย คือ กรดอะมิโนเมธิโอนีน ในถั่วเหลืองมีกรดอะมิโนที่จำเป็นตัวนี้น้อย ชาวมังสวิรัติจึงใส่งาลงไปในอาหารถั่วเหลืองที่ปรุง เพื่อให้มีสารโปรตีนสมบูรณ์มากขึ้น

ในเมล็ดงามีน้ำมันมาก จึงสกัดออกมาเป็นน้ำมันงาที่มีคุณสมบัติดีเยี่ยม คือ มีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวสูง ทั้งกรดไขมันโอเมก้า 3 กรดไขมันโอเมก้า 6 ที่มีคุณสมบัติช่วยลดคลอเลสเตอรอล จึงช่วยป้องกันหลอดเลือดแข็งตัว ป้องกันโรคหัวใจ ทำให้ระบบหัวใจแข็งแรง นอกจากนี้ยังมีกรดไขมันไลโนเลอิค ซึ่งช่วยทำให้ผมดกดำ บำรุงผิวพรรณให้ชุ่มชื้น

งายังมีวิตามันและแร่ธาตุที่สำคัญโดยเฉพาะแคลเซียมที่มี มากกว่านมวัวถึง 6 เท่า มีธาตุเหล็ก แมกนีเซียม สังกะสี ฟอสฟอรัส โพแทสเซียม และทองแดง อีกทั้งยังมากด้วยวิตามินบีชนิดต่างๆ ซึ่งดีต่อระบบประสาท ช่วยทำให้นอนหลับ ร่างกายกระฉับกระเฉง พร้อมกันนั้นยังมีสารบำรุงประสาทด้วย และวิตามินอีเป็นตัวแอนติออกซิเจนแดนท์ที่ช่วยต้านมะเร็ง

เลือกซื้อเมล็ดงาดำและงาขาว ที่สะอาด ไม่มีสิ่งสกปรกเจือปน เมื่อซึ้อมาแล้วให้เก็บใส่ขวด ปิดฝา เมื่อจะใช้ให้คั่วในปริมาณที่พอใช้ เท่านั้น เพราะถ้าคั่วทิ้งไว้กลิ่นจะไม่หอมและเหม็นหืน

6/22/2553

อาหารเพื่อ สุขภาพ กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้ หนู


อาหารเพื่อสุขภาพ กุ้งกระเทียมผัดพริกขี้หนู

พริกขี้หนู เป็น พริกเม็ดเล็กๆ แต่เวลานำเอามาปรุงเป็นอาหาร จะมีรสชาติและกลิ่นหอม
มากกว่าพริกเม็ดใหญ่ๆ ยิ่งเม็ดเล็กก็ยิ่งมีรสและกลิ่นมากขึ้น จึงกลายมาเป็นคำเปรียบเทียบว่า
ถึงเล็กก็เล็กพริกขี้หนู ยิ่งเอามาผัดคู่กับกระเทียมด้วยแล้ว กลิ่นรสยิ่งชวนชิมมากขึ้น
อาหารที่กินคู่กับข้าวกล้องวันนี้ก็เลยเป็นกุ้งกระเทียมผัดพริก ขี้หนู

1. กุ้งชีแฮ้ย่างไฟพอสุก 2 ขีด
2. เห็ดหอมสด 1 ขีด
3. กระเทียมบุบพอแตก 10 กลีบ
4. พริกขี้หนูบุบพอแตก 10 เม็ด
5. น้ำปลา 1 ช้อนโต๊ะ
6. น้ำตาลทรายแดง 2 ช้อนชา
7. น้ำเปล่า 2 ช้อนโต๊ะ
8. น้ำมันสำหรับผัด 2 ช้อนโต๊ะ

1. แกะเปลือกกุ้งที่ย่างแล้ว ฉีกเป็นชิ้นพอคำ แล้วพักไว้ เห็ดหอมสดผ่าครึ่ง ล้างให้สะอาด
2. เจียวกระเทียมและพริกขี้หนูในน้ำมันพอหอม ใส่กุ้งและเห็ดหอมลงผัด
เติมน้ำปลาและน้ำตาลทรายแดง เติมน้ำเปล่า ลงผัดให้เข้ากัน คนอีกครั้ง ตักขึ้นใส่จาน
กินกับข้าวกล้องร้อนๆ

กุ้งผัด กระเทียมจานนี้จะมีกลิ่นหอมมากกว่าธรรมดา เพราะว่าเราใช้กุ้งย่างแทนกุ้งสด

กระเทียม - ช่วยลดคอเลสเตอรอล ฆ่าเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย
พริกขี้หนู - มีสารเบต้าแคโรทีน ช่วยขับเหงื่อ ปัสสาวะ เจริญอาหาร ทำให้หลอดเลือดอ่อนตัว
ช่วยป้องกันโรคหัวใจ เลือดไหลหมุนเวียนดี ลดความดันเลือด
เห็ดหอม - สามารถยับยั้งโรคมะเร็ง
กุ้ง - เพิ่มน้ำนม
ข้าวกล้อง - มีวิตามินบี 1 บี 2 ป้องกันเหน็บชา

อาหารเพื่อสุขภาพ ข้าวโอ๊ตนมสด





อาหารเพื่อสุภาพสำหรับคนที่รักตัวเอง ข้าวโอ๊ตนมสด

ข้าวโอ๊ตเป็นอาหารที่คน อังกฤษชอบรับประทาน ข้าวโอ๊ตมีโปรตีนและไขมันสูง เพราะยังมีจมูกข้าวอยู่ แต่ก็เกิดกลิ่นเหม็นหืนได้ง่าย ก่อนบรรจุกล่องขายจึงต้องนึ่งก่อน เวลาซื้อข้าวโอ๊ตมาปรุงจึงสุกง่าย

ข้าวโอ๊ตยังมีใยอาหารสูง ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดได้ เมื่อนำมาปรุงกับนม กับผลไม้แห้งต่าง จึงได้อาหารเช้าปรุงง่าย ที่มีคุณค่าทางอาหารอยู่เต็มเปี่ยม

ส่วน ผสม

ข้าวโอ๊ต 3/4 ถ้วย
นมสดพร่องมันเนย 1 ถ้วย
งาขาวคั่ว 1 ช้อนโต๊ะ
น้ำตาลทราย (ถ้าชอบหวาน) 1-2 ช้อนโต๊ะ
เกลือเล็กน้อย
ผลไม้แห้ง เช่น กล้วยตาก ลูกพรุน ลูกเกด ตามชอบ


วิธี ทำ

1. ผสมข้าวโอ๊ตกับนมในหม้อ ใส่ผลไม้แห้งหั่นเป็นชิ้นเล็กๆ เหยาะเกลือเล็กน้อย
2. นำหม้อขึ้นตั้งไฟอ่อน เขย่าเบาๆ พอข้นยกลง ตักใส่ชามเสิร์ฟ โรยงาขาวให้ทั่ว

อาหารเพื่อสุขภาพ สลัดน้ำใส




ส่วน ประกอบ

เห็ดหอมสด
มะเขือเทศสีดา
ผักกรีนโอ๊ค
เรดโอ๊ค
ขนมปังกรอบ


เครื่องปรุง น้ำสลัด

น้ำส้มสายชู
น้ำตาลทรายไม่ฟอกสี
พริกไทยดำป่น
น้ำมันมะกอกเล็กน้อย

วิธี ทำ
1. ผสมเครื่องปรุงน้ำสลัดทั้งหมดเข้าด้วยกัน ชิมรสตามชอบ ยกลงจากเตา พักไว้ให้เย็น ยกขึ้นตั้งไฟพอให้น้ำตาลละลาย
2. เวลารับประทานตักน้ำสลัดคลุกเคล้ากับผักสดตามชอบ เช่น กรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค มะเขือเทศสีดาและเห็ดหอมสดซึ่งลวกน้ำร้อน หรือผัดน้ำมันมะกอกพอสุก โรยหน้าด้วยขนมปังกรอบ


คุณ ค่าและสารอาหาร

สลัดจาน นี้แม้จะดูเป็นอาหารเบาๆท้อง แต่คุณค่าอาหารเพียบพร้อมเชียวนะ เริ่มตั้งแต่

* ผักกรีนโอ๊ค เรดโอ๊ค และมะเขือเทศสีดาที่อุดมด้วยวิตามินซี เบต้าแคโรทีน ซึ่งต้านอนุมูลอิสระ ช่วยให้ไกล จากโรคมะเร็งและหลอดเลือด ทั้งยังช่วยให้ผิวพรรณเปล่งปลั่ง และบำรุงสายตา และธาตุเหล็ก ซึ่งช่วยป้องกันโรคโลหิตจาง
* เห็ดหอมสด ซึ่งแค ลอรี่น้อย ไขมันต่ำ มีวิตามินดีสูง ช่วยในการดูดซึม แคลเซียม เสริมกระดูกและฟัน นอกจากนี้ยังมีแร่ธาตุ โพแทสเซียมที่ช่วยลดความดันเลือด และซิลิเนียมที่เป็นสารต้านมะเร็งอีกด้วย
* น้ำมันมะกอกนอกจากจะช่วยให้สลัดจานนี้มี กลิ่นรสชวนกินแล้ว ที่สำคัญยังมีไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวมาก ที่สุด (77 เปอร์เซ็นต์) ซึ่งช่วยลดคอเลสเตอรอลชนิดเลว และเป็นแหล่งพลังงานที่ดีพอๆกับไขมันอิ่มตัว เรียกว่าให้พลังงานเต็มที่แต่ไม่ทำร้ายหัวใจคนกิน

ทดเวลาหลับ เคล็บไม่ลับฉบับ บอลโลก

เปิดสนามมาได้ 1 สัปดาห์พอดิบพอดี สำหรับฟุตบอลโลก 2010 ช่วง 7 วันนี้ หลายคนอาจจะเห็นบรรยากาศในที่ทำงาน หรือแม้กระทั่งในห้องเรียนที่คล้ายๆ กัน กล่าวคือ เหลียวซ้ายไปก็เห็นคนหาว เหลียวขวามาก็เจอคนฟุบหลับสัปหงก อนุมานเอาจากช่วงเวลาได้ว่า บรรดาผู้ที่กำลังง่วงเหงาหาวนอนเหล่านี้ น่าจะเป็นเหล่าคอบอลที่ยอมอดตาหลับขับตานอน รอเชียร์ทีมโปรดของตัวเอง

และแม้จะรู้ทั้งรู้ว่าการนอนดึกเป็นสิ่งที่บ่อนทำลายสุขภาพ แต่เหล่ามิตรรักลูกหนังต่างก็โอดเป็นเสียงเดียวกันว่า 4 ปีจะมีสักหน บิ๊กแมตช์ขนาดนี้ ถึงง่วงก็ต้องยอม! งานนี้ “พญ.เรขา กลลดาเรืองไกร” จิตแพทย์คนเก่งจาก รพ.กล้วยน้ำไท 1 จึงได้แวะเอาเคล็ดลับวิธีการ “ทดเวลาหลับ” หรือเคล็กไม่ลับการนอนชดเชยช่วงเวลาที่อดนอนระหว่างบอลโลกมาฝากกัน

“คนเราควรจะนอนตอนกลางคืน แล้วตื่นเช้า แต่หากทำสลับกันจะทำให้ต่อมไพเนียล เริ่มสร้างฮอร์โมนไม่สม่ำเสมอ ทำให้อารมณ์แปรปรวน ไม่มีสมาธิ สมองและระบบประสาททำงานได้ไม่เต็มที่ การสั่งงานของสมองช้า การทำงานประสานระหว่างมือ และตา อาการจะเหมือนกับผู้ที่ได้รับสารพิษ ทำให้เกิดอันตรายในการขับรถ นอกจากนี้ยังทำให้ขี้กังวล ไตทำงานหนักขึ้น ท้องผูก ภูมิต้านทานต่ำ ป่วยง่ายขึ้น และหายช้าลง”

แพทย์ผู้เชี่ยวชาญรายนี้อธิบายเพิ่มเติมว่า การนอนของคนเรานั้นเป็นรอบ (Sleeping Cycle) ซึ่ง 1 รอบกินระยะเวลาประมาณ 90-110 นาที ซึ่งไม่เท่ากันในแต่ละคน และแต่ละวันก็แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกิจกรรมในวันนั้น และสิ่งที่ได้รับ เช่น การดื่มกาแฟ แอลกอฮอลล์ การออกกำลังกาย และความเครียด

“การนอนช่วงดูบอลโลก ควรจะนอนให้ครบรอบการนอน เช่น ถ้าวันนี้จะต้องตื่นตี 1 ก็ควรนอนหลับไปให้ครบ 1 รอบก่อน แล้วค่อยนอนอีกครั้งเมื่อดูบอลจบตอนประมาณตี 3 แต่ถ้านอนหลายรอบการนอนมากเกินไปก่อนตื่นขึ้นมาดูบอล อาจส่งผลให้นอนไม่หลับเมื่อดูบอลจบ แนวทางคร่าว ๆ ในการนอนที่ทำให้รู้สึกอ่อนเพลียน้อยที่สุดในช่วงดูบอลโลก คือถ้าต้องการดูแมตช์ช่วงตี 1 อาจจะเข้านอนตอน 5 ทุ่ม - 5 ทุ่มครึ่ง แล้วตั้งนาฬิกาปลุกไว้เพื่อตื่นขึ้นมาดูฟุตบอลตอนตี 1 แล้วค่อยนอนต่อตอนตี 3 แต่ถ้าตื่นไม่ไหวก็ ไม่ควรฝืน ควรนอนต่อเนื่องไปเลย”

แต่แม้จะแนะนำวิธีการแก้ปัญหาการอดนอนเมื่อยามจำเป็นแบบนี้ พญ.เรขา ก็ยังคงย้ำว่า การนอนแบบที่แนะนำ ก็ยังทำให้ตื่นขึ้นมาแล้วไม่สดชื่นเท่ากับการนอนต่อเนื่องตามปกติอยู่ดี ดังนั้นไม่ควรจะทำบ่อยๆ เรียกได้ว่า เอาไว้ใช้ยามฉุกเฉินที่อดนอนก็พอจะได้

“การ นอนแบบนี้ไม่ได้ทำให้สดชื่นในตอนเช้า ดังนั้น จึงควรหาเวลางีบหลับในตอนกลางวัน สักประมาณ 30 นาที - 1 ชั่วโมง บ้าง ก็จะช่วยลดความอ่อนล้า และง่วงนอนได้ ที่สำคัญ ควรนอนให้มีคุณภาพ หลับให้สนิท ห้องนอนต้องมืดสนิท อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่มีกลิ่นอับชื้น ไม่ควรฟังวิทยุ หรือเปิดทีวีทิ้งไว้ เนื่องจากจะทำให้สมองตื่นตัว และนอนในห้องนอนที่อุณหภูมิเย็นกำลังสบาย ไม่ร้อน หรือหนาวเกินไป” พญ.เรขา ทิ้งท้าย ก่อนจะย้ำด้วยว่า วิธีดังกล่าวไม่เหมาะกับผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น ความดันสูง โรคหัวใจวาย ฯลฯ เพราะอาจส่งผลต่อชีวิตได้ ถ้าทำอย่างต่อเนื่อง การนอนที่ดีที่สุด คือ การหลับสนิทอย่างต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 6-8 ชั่วโมง ไม่ควรนอนด้วยวิธีดังกล่าวเป็นประจำ เพราะอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพในระยะยาว

รู้ทันโรคฮิตป่วยหลังเปิดเทอม






รู้กันไปตั้งแต่เมื่อวานแล้วว่า โรคฮิตรับเปิดเทอม ประกอบด้วย โรคหวัด โรคไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ โรคมือ เท้า ปาก และโรคไข้เลือดออก... ‘มุม สุขภาพ-ภาษาหมอ’ ยังอยู่กับ พญ.พรรุ้ง พฤทธิพงศ์สิทธิ์ กุมารแพทย์ โรงพยาบาลบำรุงราษฎร์ ที่วันนี้จะพูดคุยถึงแนวทางการรักษา

สำหรับโรคหวัดและโรคไข้หวัดธรรมดาและไข้หวัดใหญ่ จะต้องรักษาแบบประคับประคอง เน้นให้เด็กที่ป่วยพักผ่อนมาก ๆ ร่วมกับการรักษาตามอาการอื่น ๆ ที่เกิดแทรกเข้ามา เช่น ไอ มีน้ำมูก แพทย์ก็จะจัดยารักษาตามอาการ ทั้งยังรักษาด้วยวิธีใช้น้ำเกลือล้างจมูกเพื่อล้างเอาน้ำมูกออกจากโพรงไซนัส

แต่ทั้งสองโรคข้างต้น มักมีภาวะแทรกซ้อน อย่าง อาการเจ็บหู หมายถึง หูชั้นกลางเกิดการอักเสบ คนส่วนใหญ่จึงได้เห็นแพทย์สอดเครื่องมือเพื่อตรวจหู หากอักเสบก็จำเป็นต้องรับยาปฏิชีวนะไปรับประทาน

ต่อมาเมื่อแพทย์ใช้เครื่องมือกดลิ้นแล้วให้เปิดปากกว้าง ๆ ก็เพื่อดูต่อม ทอนซิล ถ้าเกิดการอักเสบก็จะบวมแดง และอาจมีหนอง ซึ่งจะทำให้รู้สึกเจ็บคอ ก็จะต้องใช้ยาปฏิชีวนะในการรักษาอีกเช่นกัน

ภาวะแทรกซ้อนอีกอย่างที่พบมาก คือ ไซนัสอักเสบ มีน้ำมูกเกิน 10 วัน น้ำมูกข้นเขียว และไอหนักขึ้นเรื่อย ๆ พาลจะกลายเป็นหวัดเรื้อรัง อาการเช่นนี้แพทย์อาจต้องตรวจละเอียดถึงขั้นเอ็กซเรย์

ขณะที่โรค มือ เท้า ปาก หากป่วยแล้วแพทย์จะแนะนำให้เด็กลาหยุดเรียนทันที โดยให้พักผ่อนอยู่ที่บ้านจนกว่าจะหาย มักจะหายได้ในเวลา 7-10 วัน โดยส่วนใหญ่แพทย์จะระวังให้ระวังเรื่องการขาดน้ำ และรักษาแผลตุ่มน้ำใสขอบแดงในเพดานปากด้วยยาป้ายหรือยาทาน

สุดท้าย การรักษาโรคไข้เลือดออก ที่ต้องระวังเป็นพิเศษในระยะวิกฤติ หรือช่วงวันที่ 5 ซึ่งแพทย์ไม่สามารถให้ยาลดไข้สูงได้ เพราะไม่ต้องการให้คนไข้ช็อกหมดสติ เนื่องจากจะยิ่งทำให้อาการรุนแรงกว่าเดิม โดยทำได้เพียงให้นำเกลือหากคนไข้ไม่สามารถรับประทานได้ ให้เลือดหากมีเลือดออก และเจาะเลือดทุกวันเพื่อตรวจดูจำนวนเกล็ดเลือด

อยากทราบวิธีป้องกันสุขภาพจากโรคยอดฮิตที่ระบาดในช่วงเปิดเทอม ตามอ่านต่อพรุ่งนี้.

takecareDD@gmail.com

ภาพประกอบจาก www.momlogic.com

6/16/2553

Thailand Travel: Thailand Travel Thai-Chinese Architectural Heritage

Thailand Travel: Thailand Travel Thai-Chinese Architectural Heritage

Thailand Travel Udon Thani – World’s First Bronze Age Civilization




Archaeological finds here yielded evidence of a Bronze Age civilization that flourished more than 5,000 years ago. Located 348 miles northeast of Bangkok, Udon Thani is home to Ban Chiang, a UNESCO World Heritage Site. You can enjoy the displays of prehistoric artifacts, including Ban Chiang’s highly distinctive pottery, and the open museum excavation. Spend a lazy couple of days wandering Ban Chiang village and making friends with the locals, who are skilled artisans in their own right.

bangkok apartment การตลาดออนไลน์ โรงเรียนอนุบาล Bangkok condo

Thailand Travel

6/15/2553

Thailand Travel Chiang Mai – The Gateway to the Mountainous North






Founded in 1296 by King Mengrai as a capital of the Lanna Kingdom, Chiang Mai offers a perfect blend of

history, with centuries-old temples next to the boutique hotels and colorful night markets. Located 435

miles north of Bangkok and conveniently accessed by both air and rail services, Chiang Mai always has

something to discover. Intriguing diversity among ethnic tribes coupled with breathtaking scenery makes

Chiang Mai one of Asia's most attractive destinations.

The city of Chiang Mai, pleasantly situated on the banks of the Ping River, is a treasure trove of ancient

temples, fascinating for their distinctive Lanna architectural style and rich decorative detail. On the

outskirts of the city is the famed hilltop temple of Wat Phrathat Doi Suthep. At 3,520 feet above sea level,

it is the most famous and most visible landmark with vibrant view of the city and surrounding countryside.

Trekking in the hills of the North is one of Chiang Mai’s most popular tourism activities. Popular jungle

treks last from 2 to 7 days and take trekkers through forested mountains and high valleys and meadows,

as well as visits to more remote high altitude hilltribe settlements for overnight stays. Treks commonly

feature travel by foot, sometimes by boat, elephant-back, or horse-back. For those who wish to hike to the

highest peak of Thailand which rises to 8,415 feet above sea level, Doi Inthanon National Park is a must.

And if you would like to learn more of elephant and mahout relationships, visit Elephant Conservation

Center at the nearby province of Lampang.

Visit Chiang Mai during Songkran Festival or Thai New year (April 13-15) and Yi Peng Festival or Lantern

Festival coinciding with the Loi Krathong Festival on the full-moon night of the 12th lunar month will

enhance your cultural experiences. Songkran festival features the Buddha ritual bathing and water

splashing while the Yi Peng festival features the release of the lanterns into the sky to worship the gods.

For shopping lovers, Chiang Mai is famous for its wealth of quality handicraft, both traditional and modern,

hilltribe handicrafts and antiques. Shopping routes include San Kamphaeng for cotton and silk products,

Bo Sang village for umbrellas, Wua Lai Road for silverware and Ban Thawai village for furniture and

woodcarving products. For fast and fun shopping, visit the Chiang Mai night bazaar.

bangkok apartment
href="http://www.2emailmarketing.com">การตลาดออนไลน์


โรงเรียนอนุบาล
Bangkok condo


Thailand Travel

6/14/2553

Thailand Travel Dok Krachiao Blooming Festival




The unique geographical landscape of Chaiyaphum Province in the northeast of Thailand gives rise to a range of natural attractions of exceptional beauty. Of these, the fields of pinkish-purple Siam Tulip, or "Dok Krachiao", come in to full bloom in the early part of the rainy season from June to August.

Also commonly called 'patumma', 'bua sawan' (heaven lotus), or 'bua bok' (the land lotus), the Siam Tulip is a member of the ginger genera - Curcuma or Zingiberaceae.

The unusual form, bright colour and long-lasting quality of the Siam Tulip has made it an increasingly popular choice for floral decorations. It is in high demand and is currently being cultivated in the form of cuttings or ornamental plants for local consumption as well as for export overseas, predominantly to Japan and the Netherlands.

bangkok apartment การตลาดออนไลน์ โรงเรียนอนุบาล Bangkok condo


Thailand Travel

Thailand Travel Dok Krachiao Blooming Festival




The unique geographical landscape of Chaiyaphum Province in the northeast of Thailand gives rise to a range of natural attractions of exceptional beauty. Of these, the fields of pinkish-purple Siam Tulip, or "Dok Krachiao", come in to full bloom in the early part of the rainy season from June to August.

Also commonly called 'patumma', 'bua sawan' (heaven lotus), or 'bua bok' (the land lotus), the Siam Tulip is a member of the ginger genera - Curcuma or Zingiberaceae.

The unusual form, bright colour and long-lasting quality of the Siam Tulip has made it an increasingly popular choice for floral decorations. It is in high demand and is currently being cultivated in the form of cuttings or ornamental plants for local consumption as well as for export overseas, predominantly to Japan and the Netherlands.

bangkok apartment การตลาดออนไลน์ โรงเรียนอนุบาล Bangkok condo


Thailand Travel

Thailand Travel Dok Krachiao Blooming Festival




The unique geographical landscape of Chaiyaphum Province in the northeast of Thailand gives rise to a range of natural attractions of exceptional beauty. Of these, the fields of pinkish-purple Siam Tulip, or "Dok Krachiao", come in to full bloom in the early part of the rainy season from June to August.

Also commonly called 'patumma', 'bua sawan' (heaven lotus), or 'bua bok' (the land lotus), the Siam Tulip is a member of the ginger genera - Curcuma or Zingiberaceae.

The unusual form, bright colour and long-lasting quality of the Siam Tulip has made it an increasingly popular choice for floral decorations. It is in high demand and is currently being cultivated in the form of cuttings or ornamental plants for local consumption as well as for export overseas, predominantly to Japan and the Netherlands.


bangkok apartment การตลาดออนไลน์ โรงเรียนอนุบาล Bangkok condo


Thailand Travel

6/08/2553

Thailand Travel Thai-Chinese Architectural Heritage

(by Steve Van Beek) It is no secret that for centuries the Chinese have been movers and shakers far beyond the bounds of their Celestial Empire. In Southeast Asia, they’ve wielded enormous economic influence, and the symbols of their power — China Towns, shrines, temples, dragons — can be found in a dozen cities, but these potent symbols are normally distinct islands within a sea of indigenous architecture and traditions.

While Thailand exhibits the same compelling evidence of Chinese presence, what sets Bangkok apart and makes for the visitor a fascinating journey of discovery is that subtle Chinese elements have also been blended into traditional Thai architecture. Like finding a Thai Buddhist temple tucked in a quiet lane behind a modern corporate glass tower, the evidence is there for the active traveller and the rewards for perseverance are a multitude of beautiful images that give an extra dimension to a visit and an insight into how Thais view themselves.

Wandering through Bangkok’s nineteenth century wat (monasteries), one becomes aware of something different from the stalwarts of Thai architecture like Wat Phra Kaeow (Temple of the Emerald Buddha).

On many temples, the pediments (the triangular end area below the roof) are covered in ceramic flowers – no roof shelters them, and the chorfa (often called the “sky tassel”), which reach into the air from the roof ends, is missing. Then there are the stone sculptures in the courtyards. These aren’t Thai historical figures, they are distinctly Chinese: generals, gods, demons, horses, pagodas, and more.

These unique temples include some of the city’s largest such as Wat Pho, Wat Suthat, Wat Chalerm Prakiet and Wat Arun, although the most notable examples — Wat Raja Oros, Wat Khruawan, Wat Nang Nong, and Wat Bangkhunthian Nai — are tucked away along canals on the Thonburi side of the river.

bangkok apartment การตลาดออนไลน์ ศูนย์เด็กเล็ก Real estate agency Bangkok Service apartments bangkok Thailand apartments Bangkok condo


Thailand Travel

6/07/2553

Thailand Travel Hua Hin Regatta 2010




At the close of the month, 30 July, sailors gather for the annual Hua Hin Regatta 2008 that will test their skills over three days of competition. The coveted trophies are the Royal Vega Rudder trophy of His Majesty the King, Super Mod National Championship trophy from HM the King, OK Dinghy National Championship trophy from HM the Queen, and Princess Cup for Optimist Championship of the late HRH Princess Galyani Vadhana.



Hua Hin is considered the traditional home for the country’s sailing community, due to HM the King’s keen interest in the sport. A Southeast Asia Games winner in the sailing category, HM the King built his own racing dinghy and helped to establish the Super Mod class and is an enthusiastic patron of sailing resulting in this annual regatta being held in his honour off the coast of Hua Hin in sight of the palace.

bangkok apartment การตลาดออนไลน์ ศูนย์เด็กเล็ก Real estate agency Bangkok Service apartments bangkok Thailand apartments Bangkok condo


Thailand Travel

Thailand Travel Hua Hin Regatta 2010

At the close of the month, 30 July, sailors gather for the annual Hua Hin Regatta 2008 that will test their skills over three days of competition. The coveted trophies are the Royal Vega Rudder trophy of His Majesty the King, Super Mod National Championship trophy from HM the King, OK Dinghy National Championship trophy from HM the Queen, and Princess Cup for Optimist Championship of the late HRH Princess Galyani Vadhana.



Hua Hin is considered the traditional home for the country’s sailing community, due to HM the King’s keen interest in the sport. A Southeast Asia Games winner in the sailing category, HM the King built his own racing dinghy and helped to establish the Super Mod class and is an enthusiastic patron of sailing resulting in this annual regatta being held in his honour off the coast of Hua Hin in sight of the palace.

bangkok apartment การตลาดออนไลน์ ศูนย์เด็กเล็ก Real estate agency Bangkok Service apartments bangkok Thailand apartments Bangkok condo


Thailand Travel

6/02/2553

Thailand Travel International Wax Sculpture





Join the alms-giving for Asalha Puja and the Khao Phansa Buddhist ceremony. Participate in the

ceremony of welcoming His Majesty the King’s royal candle and the international candle-carving

competition from various countries, as well as taste “Pha Khao Laeng” , a local food especially prepared

for tourists.

Contact :
TAT Ubon Ratchathani Office, Tel : 66 (0) 4524 3770-1, 66 (0) 4525 0714
Ubon Ratchathani Provincial Office, Tel : 66 (0) 4525 4827


Real estate agency Bangkok Service apartments bangkok Thailand apartments Bangkok apartment Bangkok condo การตลาดออนไลน์

5/26/2553

Thailand Travel Phi Ta Khon Festival





A HAPPY GATHERING OF FUN-LOVING SPIRITS
The Phi Ta Khon festival is unique to the Dan Sai district in Loei Province and reflects the local Isan belief in ghosts and spirits. Held once a year, it is part of a grand merit-making festival known as the "Boon Luang" festival.

The origins of tjavascript:void(0)he Phi Ta Khon Festival can be found in the tale of Lord Buddha's last great incarnation before attaining Enlightenment. In Buddhist accounts, it is said that when Prince Vessandara, the Buddha's penultimate incarnation, returned to his city, it was such a joyous occasion that the village spirits came forth to join the welcoming parade. This very colourful and vibrant Phi Ta Khon procession is the central focus of the celebrations.

In a lively re-enactment of the tale, the young men of the community dress up as "spirits" wearing long trailing costumes made from colourful strips of cloth sewn together.

The hideous-looking Phi Ta Khon mask which is made of dried sticky rice husk is painted in bright red, green or other colours, and features the characteristic long pointed nose. This completes the transformation. The clanging sound of the square cowbells worn around the waist announces the presence of the spirits who wield phallic-shaped long-handled swords decorated with red paint. The good-natured, fun-loving spirits mingle among the crowd, teasing and amusing all who take part in the procession. Spectators and visitors are welcome to join in the fun.


Real estate agency Bangkok Service apartments bangkok Thailand apartments Bangkok apartment Bangkok condo
การตลาดออนไลน์

5/20/2553

Thailand Travel Vesak 2010 (Visakha Bucha Day)



Activities
Decorated processions on Vesak (Visakha Bucha Day) of government and private working units and exhibition about Visak (Visakha Bucha Day), contest of flower bush Trays, Contest of Soraphanya Reciting

For more information, please contact
Bangkok Tourism Division Tel. 0 2225 7612-4


Real estate agency Bangkok

Service apartments bangkok
Thailand apartments

Bangkok apartment Bangkok condo

การตลาดออนไลน์

4/29/2553

Thailand Travel The Little Tour Guide of Doi Pui




Today we will take you to Doi Pui in Chiang Mai province, only a couple of kilometres from Doi Suthep, which is considered landmark of Chiang Mai. Doi Pui might not be as famous as Doi Suthep, but their beauty and wonder are hidden in this village, waiting for you to discover.

In this small village, there are a lot of wonderful things to do, such as sightseeing the beautiful pristine scenery, impressed with the hill tribe’s culture or listen to interesting stories from old people of the village. Since Doi Pui is located in the northern part of Thailand, where the weather is always cool, the agricultural products are their main income. In the past, most of the area was used to grow opium, but by the royal support of King Rama IX (- the present king -), the villagers were educated on how to earn a living according to the theory of sufficient economy (- a theory introduced by HRM King Rama IX, saying that a family should produce products at a certain amount that is sufficient to earn a living of his/her family and leave only a small amount to sell. By this way, people will be able to stand on their legs and depend less on the outsiders. -) by doing agriculture or making handicrafts to replace opium growing.



Despite being a key tourist attraction in Chiang Mai, Doi Pui offers an insight into how the hill tribes live in Thailand. The villagers wear traditional Hmong clothes, sell traditional Hmong handicrafts, and live in traditional Hmong-style homes. With the unique tradition of the hill tribe villagers and the preserved way of life, the tourists who visit Doi Suthep often visit Doi Pui as well. It’s only 10 kilometers far from Doi Suthep. Upon our arrival at Doi Pui, one of the very first impressive things that catch our eyes is “The Little Guides of Doi Pui”



As we enter the Hmong village, we see these little guides running to greet us and two of them offer to be our guides. We ask about the price, and they say “Up to you, sir” That’s how we meet our tour guides.



The little guides are children in the local village; they volunteered to be members of “Doi Pui Little Guide Club”. As the number of tourists has been increasing recently, the local school created this club for their students to earn extra money. Their job is leading the tourists in a sightseeing trip throughout the village, to enjoy the peaceful atmosphere and their charming culture.



Our journey starts at a shopping area. Many shops sell local products or hill crafts, such as tea, silver accessories, crossbow, etc. Suddenly catch our eyes is a shoe shop, selling colourful handmade shoes in Chinese style, only at 350 baht. Now I’ve got a souvenir for my girl. After that, we have a chance to chat with a hundred-year-old man, the oldest man in the village. Another must-see in this village is the garden that exhibits models of the hill tribe’s daily life in the old time, including the collection of wooden tools and the opium.



I’m sure you don’t want to miss this. We rent a native costume to wear as our tour guide’s recommendation. There are many type of costumes for you to choose including ornaments that match the costumes. Here, the silver ornaments infer to status of the wearer. We choose their formal costume to try on. Since the climate in Doi Pui is quite cool, all the native costumes are made from thick material to protect the cold breeze and to keep them warm.



As we experience the beauty of this village, we find some children interrupt the charming atmosphere by keep asking money from the tourists. However, it’s only a small detect comparing to the spectacular mountain views and breathtaking scenery as well as being able to experience the fascinating lifestyles of the Hmong hill tribe.

Finally, we hope that you have fun reading our story. Don’t forget to visit our website, to see where our next trip will be. See you soon!!