เทคนิคการทำ SEO เบื้องต้นที่ควรรู้

การทำ SEO หรือ Search Engine Optimizer นั้นเป็นการทำให้โครงสร้างข้อมูลภายในเว็บของเราที่บรรจุอยู่ใน HTML ของเรา และพวก URL ของเรานั้น มีความหมายและทำให้ Crawler (ซึ่งต่อไปจะขอเรียกเป็น Search Engine เพื่อให้เข้าใจตรงกัน) นั้นสามารถเข้ามาเก็บข้อมูลในเนื้อหาของเราได้ง่าย และตรงกับความต้องการให้ได้มากที่สุด

ซึ่งโดยปกติแล้วจะแนะนำให้ใช้ XHTML ร่วมกับ CSS โดยที่ XHTML นั้นเป็นส่วนที่ใช้สำหรับใส่ข้อมูลและมี Tag พวก XHTML ต่าง ๆ เข้ามายุ่งเกี่ยวกับเนื้อหาให้น้อยที่สุด โดยมีแต่ส่วนที่กำหนดพื้นที่สำหรับแสดงผลต่าง ๆ เป็นชื่อที่สื่อความหมาย โดยใช้พวก

และ แล้วกำหนดพื้นที่ของ Layout ด้วยชื่อที่กำหนดใน id หรือ class และโยนหน้าที่การกำหนด Layout ต่าง ๆ ไปที่ CSS ทั้งหมด เพื่อลดขนาดของไฟล์ HTML ที่ตัว Search Engine จะดึงไปเพื่อทำการ Parse ข้อมูลออกมา ทำให้ Search Engine ใช้เวลาประมวลผลต่าง ๆ ลดลงได้มากด้วย แถมลด B/W ลงไปได้เยอะมาก ๆ ในกรณีที่เว็บของเรานั้นมี Priority ในการเข้ามา index ข้อมูลของ Search Engine สูง ๆ

เทคนิดง่าย ๆ แต่ได้ผลนั้นผมสรุปจาก Best and Worst practices for designing a high traffic website อีกทีครับ

1. ใส่ Keywords หลัก ๆ ลงบน Title เพราะเป็นพื้นที่ที่ระบบ Search Engine ใช้ในการเข้ามา index ข้อมูลอันดับแรก ๆ
2. ใช้ tag Heading (พวก ต่าง ๆ) ให้เป็นประโยชน์เพื่อให้ Search Engine นั้นเข้าถึงข้อมูลสำคัญ ๆ ในส่วนนี้ก่อนเสมอ เพราะ Search Engine จะมองว่า Heading เป็นเหมือนหัวหลักของเนื้อหาเพื่อนำไปใช้สรุปเนื้อหาตอนค้นหาต่อไป
3. ใช้ alt, title, id, class และพวก caption ต่าง ๆ ที่ใช้อธิบายข้อมูลนั้น ๆ เพราะ Search Engine ไม่เข้าในว่ารูปภาพ หรือข้อมูลพวก Binary ต่าง ๆ ว่ามันคืออะไร
เช่น (img src=”dog.jpg” alt=”Dog jumping into the air” /)
4. ใช้ META Tag ถึงแม้ว่า META Tag จะเป็นเทคนิคเก่า ๆ นับตั้งแต่มี WWW แต่ก็เป็นการดีที่เราควรจะมีไว้ เพราะ Search Engine ยังคงใช้ข้อมูลนี้เพื่อการจัดอับดับข้อมูลของเรา ในกรณีที่ข้อมูลในหน้านั้น ๆ มีมากเกินไป
5. ใช้ Sitemap โดยการสร้าง Sitemap นั้นมีเครืองมือให้ใช้อยู่มากมาย และยิ่งใช้พวก CMS/Blogware ต่าง ๆ พวก Drupal, Wordpress, XOOP, Joomla/Mambo, PHP-nuke ฯลฯ ก็มี module/component/plug-in เข้ามาช่วยสร้าง Sitemap ให้แทบทั้งนั้น โดยประโยชน์ของ Sitemap นั้นช่วยให้ตัว Search Engine นั้นไม่ต้องวิ่งไต่ไปตามลิงส์ต่าง ๆ ของเว็บของเราเพื่อเข้าถึงข้อมูลทั้งหมด และยิ่งเว็บมีขนาดใหญ่และซับซ้อนมาก ๆ ยิ่งทำให้หน้าที่อยู่ในส่วนของรากลึก ๆ ต้นไม้ที่เป็นลำดับของลิงส์นั้นเข้าถึงยาก การมี Sitemap จึงช่วยในการบ่งบอกกับ Search Engine ได้ว่าเว็บของเรามีหลายอะไรอยู่บ้าง เพื่อให้ตัว Search Engine เข้ามา Index ข้อมูลได้รวดเร็วและสะดวกขึ้น
6. ทำ URL Friendly หรือ Rewrite URL การทำ URL Friendly นั้นช่วยให้ Search Engine เข้าใจ URL ของเราและทำให้การเก็บ URL และแสดงผล URL เพื่อลิงส์กลับมาหน้าต่าง ๆ ของเว็บเรานั้นทำได้ง่ายมากขึ้น

Tip Seo

Tip Seo

1.ทำการปรับแต่งเนื้อหาของเว็บไซต์ให้มีความน่าสนใจ และเพิ่มเนื้อหาใหม่ๆ ทุกวัน
2.ทำการปรับปรุง MATA Tag ของเว็บไซต์ให้ตรงกับเนื้อหาในแต่ละหน้า (Keywords , Descriptions , Title Tags)
3.ทำการเพิ่มปริมาณของ Backlink ที่มีคุณภาพให้กับเว็บไซต์ให้ได้เยอะที่สุด วิธีการที่ง่ายที่สุดคือทำการ Submit Articlesกับเว็บไซต์submityourarticle.com แต่เราต้องเขียนเนื้อหาให้ถูกต้องตามหลักการของภาษาอังกฤษก่อนนะครัให้ง่ายๆ ก็จ้างเขาเขียนเอาก็ได้ราคาจะอยู่ที่ประมาณ 1-2 $ ต่อ Article
4.ให้ Keyword ที่ผู้ใช้ต้องการค้นหาอยู่ใน URL ของเว็บไซต์ ตัวอย่างเช่น ผมต้องการทำ SEO ให้กับ Keyword “Error-หน้า-404″ก็จะเพิ่มคำว่า”Error-หน้า-404″ไว้ในURLของเว็บไซต์ http://www.sutenm.com/2008/09/01/วิธีจัดการ-Error-หน้า-404/ ไว้ในเว็บไซต์ด้วย
5. รอตรวจสอบผลการทำงานเมื่อเวลาผ่านไปประมาณ 1 เดือน โดยใช้วิธีการเช็ค Backlink ,
PR จาก Search Engine โดยสามารถเข้าไปเช็ครายละเอียดได้ที่เว็บไซต์ iwebtool.com

วิธีทำ SEO

เท่าที่ศึกษามานะครับ พอจะแบ่งออกเป็น 3 แบบครับ เพื่อนๆ บางท่านอาจเคยไปอ่านเจอหลายๆ ที่บอก 2 แบบ แต่สำหรับผมแล้วมันมีให้เลือก 3 แบบครับ ขึ้นอยู่กับวิธีการนำไปใช้

1. วิธีแบบพระเอก
ขึ้นชื่อว่าพระเอกก็ต้องทำในสิ่งที่ถูกต้องเสมอ หรือให้พูดตามฝรั่งเค้าพูดกัน "White Hat" พระเอกต้องสวมหมวกสีขาว ซึ่งเป็นที่ต้องตาต้องใจกับนางเอกอย่างเสิร์ชเอนจิ้นเอามากๆ สิ่งที่พระเอกควรทำคือ
- แก้ไขโค้ดให้ดูสะอาดสะอ้าน และต้องถูกต้องตามหลักถึงจะดี ไม่ซ่อนคำที่เป็นคีย์เวิร์ดใดๆ เอาไว้
- เพิ่มจำนวนลิ้งค์ อย่างเหมาะสม (ฝากลิ้งค์ไว้กับเว็บชาวบ้านเค้า) แนะนำว่าควรเป็นเว็บที่มีเนื้อหา
คล้ายๆ กับเรา (หรือที่ฝรั่งเรียก "Link Popularity")
- อื่นๆ (ตอนนี้ยังคิดไม่ออกครับ คิดออกแล้วจะเอามาเพิ่ม อิอิ)

2.วิธีแบบผู้ร้าย
ขึ้นชื่อว่าผู้ร้ายก็ต้องใช้แต่วิธีเลวๆ หรือพูดตามฝรั่งว่า "Back Hat" คือ ผู้ร้ายมักสวมหมวกสีดำ และใช้วิธีการแบบไม่เลือกหน้า ชนิดที่ว่าโกงสุดๆ เป็นวิธีที่นางเอกอย่างเสิร์ชเอนจิ้นไม่ชอบมากที่สุด
- ซ่อนคีย์เวิร์ดเอาไว้ในโค้ด โดยไม่แสดงให้ใครเห็น ให้เฉพาะแม่นางเอกเสิร์ชเอนจิ้นเห็นเท่านั้น
ฝรั่งเรียก "Hidden Text"
- ฝากลิ้งค์แบบไม่เลือกที่ เจอเว็บไหนก็ฝากเอาไว้หมด
- ซ่อนลิ้งค์เอาไว้ ว่านเสน่ห์ให้แม่นางเอกเสิร์จเอนจิ้นเห็นคนเดียวคนอื่นไม่เกี่ยว หรือ "Hidden Link"
อย่างที่ฝรั่งชอบพูด
- ทำการปั๊มคีย์เวิร์ด เอาไว้ในเว็บมากๆ (โชว์พาวร์เกินเหตุ) ฝรั่งเรียก "Spam Keyword"
- ทำหน้าเว็บที่มีเนื้อหาเหมือนกันๆ ซ้อนกันไว้มากๆ หรือ "Duplicate Content" ตามภาษาฝรั่ง
- เล่นมายากลโชว์แม่นางเสิร์ชเอนจิ้น โดยเปลี่ยนหน้าเว็บอย่างรวดเร็ว เรียก "Sneaky Redirects"
- อื่นๆ (ตอนนี้ยังคิดไม่ออกครับ คิดออกแล้วจะเอามาเพิ่ม อิอิ)

3.วิธีแบบพระรอง
บางครั้งพระรองก็ใส่หมวกขาวและหมวกแดงสลับกันไป เพื่อให้นางเอกอย่างเสิร์ชเอินจิ้นเห็นว่าเค้าเป็นคนที่ดูไม่เลวมากนัก ดูน่าสนใจ และพอให้อภัยได้หากทำผิดไปบางครั้ง แต่ต้องมั่นสวมหมวกขาวบ่อยๆ ไม่งั้นมีสิทธิ์เจอนางเอกทิ้งได้เหมือนกัน ลืมบอกไปครับ ฝรั่งเค้าเรียกวิธีนี้ว่า "Gray Hat" หมวกสีเทา

10 Tips on Finding the Perfect SEO

Are you trying to find the perfect SEO copywriter for your business? Not sure how to find one? And if you do, how will you know when you have found the right copywriter?

Well, here are ten tips to help you find the best SEO Copywriter:

1. Make sure you are considering an SEO copywriter and not just a general content writer. The main difference being that an SEO Copywriter has the necessary skills to sell your company on paper. These copywriters are able to appeal to people and the SEO machine alike, these writers should specialize in direct mail, article marketing, website copy, advertising copy but be intimately aware of SEO techniques.

2. Try and shop around as many writers focus on a particular type of copywriting or subject matter. Make sure that the person you are hiring has some experience in the type of writing you are looking for. Always ask to see their portfolio for examples of their writing.

3. Be willing to pay for a quality writer! Although there are copywriters out there that are new to the business and will charge pennies on the dollar for your writing assignments, don’t hire based on price alone. If you need to add value to your business then you should be prepared to pay a reasonable price for such quality copywriting.

4. One surefire way of knowing if you are dealing with a professional SEO copywriter is if they present you with a lot of questions. Why? Because this assists the copywriter to ensure that your content is correctly search engine optimized. Such questions to be prepared for are:

Who is your target market?
How do you intend to use the content?
What actions do you want the reader to take?
What are the features and/or benefits of your product or service?
Do you have testimonials from your clients that can be included in the piece?

5. Always have a contract signed and approved by both you and the Copywriter prior to the work commencing, and remember to read the fine print. Be sure to read it carefully to find out how many revisions are included and if the copywriter offers any guarantees.

6. Be prepared to pay a deposit. The majority of SEO copywriters in business today want a guarantee that they will be paid for their time and services. Keep in mind that you will lose your deposit should you cancel the assignment for any reason after the copywriter has begun working on it. Remember that the copywriter deserves to be paid for their time as they have already put in time and effort into your project.

7. Have a clear idea of what you want out of the writing before your hire a copywriter. You will need to be able to give the Copywriter as many details as possible about your project. It is very important that you have a well-defined concept of the range, focus, objectives and particulars of the project prior to hiring a Copywriter.

8. Prepare a rough draft of the content that you envision. This is particularly helpful if you have a tight budget since most writers either charge an hourly rate or bid per writing project. By giving the Copywriter an outline of what it is that you are looking for, they can quickly and easily complete the project for you in less time and with less cost to you.

9. Plan on a few re-writes. It is always difficult for a copywriter to take your thoughts and write them onto paper. Their first submission will always be a draft that you will be able to edit and give suggestions back to the copywriter who can then, in turn, provide you with a more polished final copy.

10. Do not suddenly change the article format or subject matter. This will cost you more in the long run, as a copywriter bids on your initial project and subject matter and subsequently creates an initial draft, based on that subject matter and format. If you abruptly change things then you will have to expect to not only pay for work that is already completed, but for the new work as well.