อะไรเป็นสาเหตุของอาการท้องผูก?
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ขออธิบายดังต่อไปนี้ในระบบทางเดินอาหารเป็นลักษณะท่อกลวง ที่ภายในมีเยื่อหุ้มรายล้อมเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว ในการย่อย ดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อรับประทานอาหารผ่านช่องปาก ผ่านไปยังกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ผ่านทวารหนักแล้วขับถ่ายเป็นอุจจาระออกจากร่างกายแล้ว ในระหว่างที่อาหารผ่านส่วนต่าง ๆ จะถูกย่อยและดูดซึมน้ำที่เป็นส่วนประกอบออกไป ส่วนที่เหลือจึงขับถ่ายออกมาเป็นกากอาหารในอุจจาระดังที่เห็นกัน
ส่วนของกล้ามเนื้อเรียบเล็ก ในลำไส้ส่วนโคลอนจะบีบตัวพร้อมกัน เป็นการดันกากอาหารที่ย่อยแล้วเป็นอุจจาระดันไปยังส่วนของทวารหนักจึงจะเห็น ได้ว่าอุจจาระจะเป็นของแข็ง เนื่องจากน้ำได้ถูกดูดซึมไปก่อนแล้ว หากลำไส้ส่วนที่เป็นลำไส้ใหญ่ ดูดซึมน้ำกลับเป็นปริมาณมาก การบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ใหญ่จะทำงานและบีบตัวน้อยลง ยิ่งทำให้กากอุจจาระเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ใหญ่ไปอย่างช้า ๆ ลำไส้ใหญ่ก็จะดูดซึมน้ำที่เป็นส่วนประกอบออกไปมากขึ้น อุจจาระจึงยิ่งแข็ง แข็งมาก และยิ่งแห้งมาก ทำให้เกิดภาวะท้องผูก ขับถ่ายได้ยาก
สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบของปัญหาท้องผูก สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบมีดังต่อไปนี้
การกินอาหารประเภทใยอาหาร (ไฟเบอร์) ไม่พอเพียง
พบว่าการรับประทานอาหารประเภทเส้นใยที่พอเพียง ทำให้พบภาวะท้องผูกได้น้อย และหากบริโภคอาหารประเภทไขมันสูง เช่น เนย ชีส ไข่ เนื้อ หรือหมู มากเกินไปก็อาจทำให้ท้องผูกมากขึ้นได้ อาหารประเภทเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่มักเรียกกันทับศัพท์บ่อย ๆ จะมีทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ซึ่งใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำจะเปลี่ยนรูปเป็นก้อนและนิ่ม ช่วยป้องกันไม่ให้อุจจาระแข็ง แห้ง และสามารถขับถ่ายได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงเบ่งมาก
การดื่มน้ำไม่พอเพียง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า การดื่มน้ำมากขึ้นอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการช่วยรักษาอาการท้องผูก แต่ยังมีปัจจัยอื่นเสริม เช่น การดื่มน้ำผลไม้ น้ำลูกพรุน น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้มค้น น้ำฝรั่ง เป็นประจำและสลับกันไปจะช่วยทำให้อุจจาระนิ่มตัว และการผ่านของอุจจาระสามารถทำได้ง่าย ช่วยรักษาภาวะท้องผูกได้ดีกว่า แต่ข้อควรระวังคือ น้ำหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ กาเฟอีน จะไม่ช่วยรักษาภาวะท้องผูก แต่จะทำให้ปัสสาวะบ่อยและขาดน้ำมากขึ้น ทำให้อาการท้องผูกแย่ลง
ไม่มีกิจกรรมหรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างพอเพียง
การขาดกิจกรรม ขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ก็อาจเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดอาการท้องผูก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ป่วยนอนติดเตียง และในคนชรา มักพบได้มาก
ยาหลายประเภทก็เป็นสาเหตุให้เกิดท้องผูก
ยาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาการเจ็บป่วย อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของระบบลำไส้ โดยเฉพาะยาที่มีผลกับระบบประสาทอัตโนมัติ ซิมพาเทติคและพาราซิมพาเทติค ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ โดยตรง
ถึงเวลาถ่ายแต่อั้นไว้ ไม่ยอมถ่าย
พบภาวะนี้ในเด็กที่ห่วงเล่น มีสมาธิสั้น ในคนที่ไม่อยากขับถ่ายนอกบ้าน เครียดจนไม่อยากขับถ่าย หากเกิดกระบวนการดังกล่าวนี้ จะทำให้การขับถ่ายไม่เป็นไปตามปกติ โอกาสเกิดท้องผูกจึงเกิดได้ง่าย แล้วจะเกิดได้อยู่บ่อยครั้ง รักษายังไงก็ไม่หาย เพราะสาเหตุเกิดมาจากพฤติกรรมไม่ได้เกิดจากพยาธิสภาพของทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ โรคจำเพาะบางโรค เช่น โรคทางสมองและระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ โรคทางเมตาบอลิก โรคต่าง ๆ ตามระบบอวัยวะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่โรคเหล่านี้ทำให้ลำไส้เคลื่อนตัวช้าลง อุจจาระจึงผ่านไปช้า ๆ และเกิดกากอุจจาระที่แข็งได้ง่าย
มีปัญหาที่ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก หรือมีความผิดปกติในหน้าที่การงาน
ที่พบบ่อย เช่น การอุดตันของลำไส้จากแผลเป็น การผ่าตัด หรือเนื้องอก การตีบของลำไส้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือทวารหนัก
ปัญหาท้องผูก อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากพบว่าตัวเอง เป็นอยู่บ่อยครั้งเกินไป ก็อาจเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นภายในร่างกาย ซึ่งควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษา
เพราะปัญหาท้องผูก..อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อย่างที่คิด.
เพื่อให้เกิดความเข้าใจ ขออธิบายดังต่อไปนี้ในระบบทางเดินอาหารเป็นลักษณะท่อกลวง ที่ภายในมีเยื่อหุ้มรายล้อมเพื่อเพิ่มพื้นที่ผิว ในการย่อย ดูดซึมสารอาหารต่าง ๆ เพื่อนำไปใช้ในระบบต่าง ๆ ของร่างกาย เมื่อรับประทานอาหารผ่านช่องปาก ผ่านไปยังกระเพาะอาหาร ลำไส้เล็ก ลำไส้ใหญ่ ผ่านทวารหนักแล้วขับถ่ายเป็นอุจจาระออกจากร่างกายแล้ว ในระหว่างที่อาหารผ่านส่วนต่าง ๆ จะถูกย่อยและดูดซึมน้ำที่เป็นส่วนประกอบออกไป ส่วนที่เหลือจึงขับถ่ายออกมาเป็นกากอาหารในอุจจาระดังที่เห็นกัน
ส่วนของกล้ามเนื้อเรียบเล็ก ในลำไส้ส่วนโคลอนจะบีบตัวพร้อมกัน เป็นการดันกากอาหารที่ย่อยแล้วเป็นอุจจาระดันไปยังส่วนของทวารหนักจึงจะเห็น ได้ว่าอุจจาระจะเป็นของแข็ง เนื่องจากน้ำได้ถูกดูดซึมไปก่อนแล้ว หากลำไส้ส่วนที่เป็นลำไส้ใหญ่ ดูดซึมน้ำกลับเป็นปริมาณมาก การบีบตัวของกล้ามเนื้อเรียบของลำไส้ใหญ่จะทำงานและบีบตัวน้อยลง ยิ่งทำให้กากอุจจาระเคลื่อนที่ผ่านลำไส้ใหญ่ไปอย่างช้า ๆ ลำไส้ใหญ่ก็จะดูดซึมน้ำที่เป็นส่วนประกอบออกไปมากขึ้น อุจจาระจึงยิ่งแข็ง แข็งมาก และยิ่งแห้งมาก ทำให้เกิดภาวะท้องผูก ขับถ่ายได้ยาก
สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบของปัญหาท้องผูก สาเหตุส่วนใหญ่ที่พบมีดังต่อไปนี้
การกินอาหารประเภทใยอาหาร (ไฟเบอร์) ไม่พอเพียง
พบว่าการรับประทานอาหารประเภทเส้นใยที่พอเพียง ทำให้พบภาวะท้องผูกได้น้อย และหากบริโภคอาหารประเภทไขมันสูง เช่น เนย ชีส ไข่ เนื้อ หรือหมู มากเกินไปก็อาจทำให้ท้องผูกมากขึ้นได้ อาหารประเภทเส้นใยหรือไฟเบอร์ที่มักเรียกกันทับศัพท์บ่อย ๆ จะมีทั้งชนิดที่ละลายน้ำและไม่ละลายน้ำ ซึ่งใยอาหารชนิดที่ละลายน้ำจะเปลี่ยนรูปเป็นก้อนและนิ่ม ช่วยป้องกันไม่ให้อุจจาระแข็ง แห้ง และสามารถขับถ่ายได้ง่ายโดยไม่ต้องออกแรงเบ่งมาก
การดื่มน้ำไม่พอเพียง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า การดื่มน้ำมากขึ้นอาจไม่ใช่ปัจจัยสำคัญในการช่วยรักษาอาการท้องผูก แต่ยังมีปัจจัยอื่นเสริม เช่น การดื่มน้ำผลไม้ น้ำลูกพรุน น้ำแอปเปิ้ล น้ำส้มค้น น้ำฝรั่ง เป็นประจำและสลับกันไปจะช่วยทำให้อุจจาระนิ่มตัว และการผ่านของอุจจาระสามารถทำได้ง่าย ช่วยรักษาภาวะท้องผูกได้ดีกว่า แต่ข้อควรระวังคือ น้ำหรือเครื่องดื่มที่มีส่วนผสมของแอลกอฮอล์ กาเฟอีน จะไม่ช่วยรักษาภาวะท้องผูก แต่จะทำให้ปัสสาวะบ่อยและขาดน้ำมากขึ้น ทำให้อาการท้องผูกแย่ลง
ไม่มีกิจกรรมหรือเคลื่อนไหวร่างกายอย่างพอเพียง
การขาดกิจกรรม ขาดการเคลื่อนไหวของร่างกาย ก็อาจเป็นสาเหตุสำคัญทำให้เกิดอาการท้องผูก โดยเฉพาะผู้ป่วยที่ป่วยนอนติดเตียง และในคนชรา มักพบได้มาก
ยาหลายประเภทก็เป็นสาเหตุให้เกิดท้องผูก
ยาหลายชนิดที่ใช้ในการรักษาการเจ็บป่วย อาจส่งผลต่อการเคลื่อนไหวของระบบลำไส้ โดยเฉพาะยาที่มีผลกับระบบประสาทอัตโนมัติ ซิมพาเทติคและพาราซิมพาเทติค ซึ่งควบคุมการเคลื่อนไหวของลำไส้ได้ โดยตรง
ถึงเวลาถ่ายแต่อั้นไว้ ไม่ยอมถ่าย
พบภาวะนี้ในเด็กที่ห่วงเล่น มีสมาธิสั้น ในคนที่ไม่อยากขับถ่ายนอกบ้าน เครียดจนไม่อยากขับถ่าย หากเกิดกระบวนการดังกล่าวนี้ จะทำให้การขับถ่ายไม่เป็นไปตามปกติ โอกาสเกิดท้องผูกจึงเกิดได้ง่าย แล้วจะเกิดได้อยู่บ่อยครั้ง รักษายังไงก็ไม่หาย เพราะสาเหตุเกิดมาจากพฤติกรรมไม่ได้เกิดจากพยาธิสภาพของทางเดินอาหาร
นอกจากนี้ โรคจำเพาะบางโรค เช่น โรคทางสมองและระบบประสาท ต่อมไร้ท่อ โรคทางเมตาบอลิก โรคต่าง ๆ ตามระบบอวัยวะ ซึ่งโดยส่วนใหญ่โรคเหล่านี้ทำให้ลำไส้เคลื่อนตัวช้าลง อุจจาระจึงผ่านไปช้า ๆ และเกิดกากอุจจาระที่แข็งได้ง่าย
มีปัญหาที่ลำไส้ใหญ่และทวารหนัก หรือมีความผิดปกติในหน้าที่การงาน
ที่พบบ่อย เช่น การอุดตันของลำไส้จากแผลเป็น การผ่าตัด หรือเนื้องอก การตีบของลำไส้ มะเร็งลำไส้ใหญ่ หรือทวารหนัก
ปัญหาท้องผูก อาจดูเป็นเรื่องเล็กน้อย แต่หากพบว่าตัวเอง เป็นอยู่บ่อยครั้งเกินไป ก็อาจเป็นสัญญาณที่แสดงให้เห็นว่า มีความผิดปกติบางอย่างเกิดขึ้นภายในร่างกาย ซึ่งควรได้รับการตรวจวินิจฉัยและรักษา
เพราะปัญหาท้องผูก..อาจไม่ใช่เรื่องเล็กน้อย อย่างที่คิด.